วันที่ 27 ก.ย. 2567 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองประธานคณะกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการกำลังเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับประกันสิทธิของคนไทยทุกคนในการหายใจอากาศที่บริสุทธิ์ (Right to Breathe Clean Air) เนื่องจากประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 มานานกว่าทศวรรษ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหลายจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานอยู่เป็นประจำ
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ ระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศสูงกว่า 10 ล้านคน และปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวถึงต้นปี ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสุขภาพของประชาชน
"กฎหมายอากาศสะอาดฯ ที่เรากำลังผลักดันอยู่ จะเป็นกฎหมายที่สร้างเครื่องมือและกลไกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องสามารถดูแลระยะยาว เพื่อให้คนไทยกลับมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริง" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) อาทิ SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, SDG7 การเข้าถึงพลังงานสะอาดที่เชื่อถือได้, SDG11 การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน และ SDG13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยมีโครงสร้างและกลไกที่สามารถจัดการกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเป็นรูปธรรม
"ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการหายใจด้วยอากาศสะอาด เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เรากำลังทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยได้กลับมามีอากาศที่บริสุทธิ์หายใจได้อีกครั้ง" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าวทิ้งท้าย