“นายกฯ อิ๊งค์” คิกออฟโอนเงินหมื่นล็อตแรก กลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน กระตุ้นเศรษฐกิจ ชูมอตโต คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ยันเดินหน้าเฟสต่อไป พร้อมวิดีโอคอลสดจากทำเนียบฯ ปลื้มชาวบ้านดีใจได้รับเงิน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดตัว (Kick Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ซาบีดาไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจมาอย่างเรื้อรังนานหลายปีแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจเหล่านี้ไม่ได้มาจากแค่ปัจจัยภายในประเทศเท่านั้น ยังมีปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวช้าลงกว่าปกติ และมากไปกว่านั้นยังมีในเรื่องของปัญหาความขัดแย้ง เจอปัญหาอุทกภัยในปีนี้ถือเป็นปัญหาที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ หลายปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองและไม่สามารถที่จะเพิ่มการลงทุนได้ เราจะเห็นได้ชัดเงินจากระบบของเราหายไป ตอนนี้เงินหมุนเวียนถือว่าแทบจะเป็นสิ่งที่หายาก เงินไม่หมุนเศรษฐกิจฟืดเคือง ทำให้การลงทุนน้อยลง อุตสาหกรรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย การลงทุนต่างๆก็น้อยลงอย่างมาก แน่นอนปัญหาที่เกิดขึ้นกลุ่มคนที่รับผลกระทบมากที่สุดนั่นคือกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย รวมไปถึงผู้พิการ ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ ทำให้เศรษฐกิจต้องมีความพร้อมต่อการลงทุนและความพร้อมต่ออุตสาหกรรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคงและหารายได้อย่างยั่งยืน
นายกฯ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลเน้นย้ำในการทำงานที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เราเน้นย้ำในเรื่องของนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะทราบว่านั่นคือสิ่งที่จำเป็นจะทำให้ประชาชนสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่และความสุขมีสิ่งที่ดีขึ้นมา ทำให้ชีวิตพัฒนาไปข้างหน้าได้มากขึ้น แต่นโยบายแต่ละนโยบายอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือบางนโยบายต้องใช้เวลาเป็นปี เพื่อที่จะทำให้นโยบายนั้นต่อเนื่อง และเข้าถึงพี่น้องประชาชนจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือความท้าทายของรัฐบาลและต้องใช้ศักยภาพทางการเมืองด้วย เพื่อให้นโยบายนั้นต่อเนื่องพัฒนาถึงมือประชาชนจริงๆ แน่นอนทั้งหมดนี้คือความท้าทายของรัฐบาลที่ต้องเปลี่ยนทั้งหมดนี้ให้เป็นโอกาสเพื่อพี่น้องประชาชน
ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ และมีหลายนโยบายที่ได้ออกไปแล้ว เช่น นโยบายพักหนี้เกษตรกร ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออกไป แล้วและทำเป็นปีที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย และที่เห็นชัดเจนคือการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า จะเห็นได้ชัดตัวเลขการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมา แต่การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มากพอที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศได้
“วันนี้ที่ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ โดยเงินสดจะถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552 ล้านบาท เป็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแน่นอนเงินก้อนนี้จะสามารถต่อลมหายใจให้กับพี่น้องประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะถึงมือพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางจำนวน 14.55 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40 ล้านคน และกลุ่มคนพิการจำนวน 2.15 ล้านคน ทุกคนจะได้รับเงินสด 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผ่านช่องทางการรับดอกเบี้ยเดิมของผู้พิการ ไม่ว่าจะเคยผ่านบัญชีธนาคารหรือเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะได้รับเงินในวิธีการเดิม ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่มีเงื่อนไขใดๆ เมื่อถึงเมื่อประชาชนแล้วจะสามารถใช้จ่ายได้ทันที แน่นอนเราจะมีการทยอยโอนเงินเป็นเวลา 4 วันเริ่มตั้งแต่วันนี้ ก็จะครบทั้ง 14.55 ล้านคน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า นโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ได้เพิ่มโอกาส สร้างความหวัง และนำคุณภาพชีวิตที่ดีมาให้พี่น้องประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ เงิน 10,000 บาทจำนวนนี้จะสามารถสร้างโอกาสสร้างชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนได้ และรัฐบาลมีความเชื่อมั่นในศักยภาพพี่น้องประชาชนว่าจะมีการใช้เงินนี้อย่างมีประโยชน์ หรือบางครอบครัวที่ได้มากกว่า 1 คน ก็สามารถนำเงินหมื่นมารวมกันได้เพื่อต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างธุรกิจ สร้างโอกาสใหม่ๆให้กับตัวเองและครอบครัวได้ รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะสามารถใช้เงินนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขอเน้นย้ำอีกครั้งว่านโยบายนี้เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอีกมากมายแน่นอน
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ทุกคนรอคอยและถามถึงรัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อ เพื่อจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับคนไทยด้วย เพื่อจะได้เป็น Digital ID เป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลและประชาชน จะทำให้ธุรกรรมต่างๆที่ประชาชนทำเกิดความสะดวกรวดเร็วขึ้น เชื่อมกับรัฐได้ง่ายขึ้น โปร่งใสมากขึ้น ตรวจสอบได้ง่ายมากขึ้น อันนี้เป็นการวางรากฐานตั้งแต่วันนี้ ซึ่งเรากำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ อีกหน่อยจะใช้เรื่องของการเยียวยาที่รัฐจะสามารถโอนตรงสู่ประชาชนได้ นี่คือ สิ่งที่เราจะวางเศรษฐกิจดิจิทัลเอาไว้เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกสบายมากขึ้น และรวดเร็วในการรับค่าเยียวยาต่างๆ จากรัฐบาลได้ง่ายขึ้น และประชาชนสามารถติดตามข่าวสารตรวจสอบข้อมูลได้ทุกช่องทางของกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งหมดนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญเพื่อจัดสร้างสภาพแวดล้อมที่ได้เอื้อกับชีวิตพี่น้องให้มีความหวังมากขึ้น มีรอยยิ้มมากขึ้น และเป็นการต่อยอดให้พี่น้องได้มีโอกาสในชีวิตเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนสร้างความเท่าเทียมในด้านโอกาสและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นโยบายนี้และอีกหลายๆนโยบายรัฐบาลที่ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีเหมือนเดิม ทำให้พี่น้องประชาชนกลับมามีความสุขอีกครั้ง
จากนั้นได้มีการเปิดวิดีโอของประชาชนบางส่วนที่ได้รับเงิน โดยประชาชนได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล และระบุว่า จะนำเงินไปใช้ในการอุปโภคบริโภคภายในครอบครัว บางส่วนนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ และใช้ทางการเกษตร
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้วิดีโอคอลสดพูดคุยกับประชาชนจากทางบ้านที่ได้รับเงิน 10,000 บาท รายแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯ ได้สอบถามว่า ได้รับเงินหรือยัง และจะนำไปใช้อะไร รัฐบาลดีใจที่ได้มอบเงินให้ ขอให้มีความสุขมากๆ ขณะที่ประชาชนขอบคุณนายกฯและจะนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนอีกรายเป็นชายผู้พิการจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนายกฯสอบถามว่าได้รับเงินตอนกี่โมง ซึ่งประชาชนตอบว่า เวลา 03.15 น. นายกฯ จึงกล่าวกับรัฐมนตรีที่ร่วมงานว่า “ตีสามสิบห้า เลขเด็ดหรือเปล่า” ก่อนจะถามต่อว่า “ดีใจไหม รัฐบาลก็ดีใจ แล้วจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง เล่าให้ฟังนิดนึง” โดยประชาชนตอบว่า จะเอาไปใช้ซื้อของจำเป็นของคนพิการ พวกแพมเพิร์ส ข้าวสารอาหารแห้ง นายกฯจึงบอกว่า ดีนะ 10,000 บาท ซื้อได้เยอะเลย ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง จากนั้นชายผู้พิการได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ได้ช่วยเหลือ
และอีกรายชาวบ้านจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งสัญญาณการวิดีโอคอลไม่ค่อยได้ยินเสียง นายกฯจึงยกนิ้วโป้งขึ้น พร้อมกล่าวว่า ถ้าดีใจให้ยกนิ้วโป้ง ชาวบ้านจึงยกนิ้วโป้งตอบกลับ ก่อนที่นายกฯจะส่งมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมกล่าวว่า ขอให้โชคดี