ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เจนใหม่พรรคส้มให้โอกาส คน"ดีย์"!? "ไอติม" ไม่มีชื่อ ไหน "ธนาธร" ว่าดีหนักหนา-ยก กทม.ให้ "โตโต้" คุม
นอกจากจะถูกชาวโซเชียลฯ เปลี่ยนชื่อพรรคให้เป็น "พรรคประชาชนพม่า" เพราะ วีรกรรมของ "ขิ่น-แก้วตา" ธิษะณา ชุณหะวัณด้อมส้มยังต้องมาละเหี่ยใจ เพลียตับ กับการปรับโครงสร้างการบริหารพรรคประชาชนล่าสุด ที่ทำให้อึดอัดคับข้องใจ ทำไม "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เจ้าของพรรคดูถูกประชาชนจริงๆ
เรียกว่า ดูโปรไฟล์ดูวีรกรรมที่ผ่านมา มีเข้าตาอยู่ไม่กี่คน ที่เหลือถ้าใช้มาตรฐาน "จริยธรรม" ที่เป็นอยู่อาจจะสอบตกกันระนาว
บางคน "ขายน้ำเมา" เลี่ยงภาษี บางคนมี "คดี" เป็นชนักติดหลัง บางคนเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง "ตัวตึง" จนด้อมส้มเองจัดทัวร์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในโซเชียลฯ
อายแล้ว อายอยู่ และจะยังอายต่อไปกับ คน"ดีย์" ที่ถูกเลือกมาทำงานให้พรรค
บ้างก็ว่า มาตรฐานความดีของพรรคนี้ไม่เหมือนกับคนทั่วไป เพราะนี่คงเป็นคนดี "เจนใหม่" ที่ธนาธร เห็นชอบด้วยและให้โอกาสทำงาน
เรื่องของเรื่องงานนี้ มาจากการจัดงานสัมมนาภายในระหว่างแกนนำพรรค สส. พนักงานพรรค และฝ่ายเครือข่าย เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานที่ผ่านมา ถอดบทเรียนจากเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรค วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรค ทำนองเตรียมความพร้อม เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ดังนั้นที่ประชุมได้จัดการเลือกตั้งรองเลขาธิการพรรคจำนวน 12 ตำแหน่ง แบ่งเป็นสัดส่วนภูมิภาค 8 ตำแหน่ง สัดส่วนกลุ่มประเด็น 2 ตำแหน่ง และ สัดส่วนสำนักงาน 2 ตำแหน่ง
อย่างที่รู้รายชื่อประกอบด้วย "โตโต้" ปิยรัฐ จงเทพ ดูกทม.และ ปริมณฑล “เจษฎา เอี่ยมปุ่น” ดูภาคกลาง “พงศธร ศรเพชรนรินทร์” ภาคตะวันออก “วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา” คุมภาคใต้ “วิสา บุญนัดดา” ดูภาคเหนือตอนบน “คริษฐ์ ปานเนียม” ภาคเหนือตอนล่าง
“วีรนันท์ ฮวดศรี” ภาคอีสานตอนบน “พนา ใจตรง” อีสานตอนล่าง “ณธนภัทร ฤทธิ์เนติกุล” ดูเครือข่ายชาติพันธุ์ “เซีย จำปาทอง” เครือข่ายแรงงาน “ลลิตา สิริพัชรนันท์” สำนักงาน และ “พีรัช สงเคราะห์” รองเลขาธิการพรรค ดูสำนักงาน
นอกจากนี้ยังประกาศรายชื่อผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในฝ่ายต่างๆ 7ฝ่าย "ไหม" ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล” ฝ่ายกิจการสภา “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ฝ่ายกิจการพิเศษ “รังสิมันต์ โรม” ฝ่ายกิจการทั่วไป “ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร” ฝ่ายต่างประเทศ “พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” ฝ่ายกิจการภายนอก และ “นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง” เป็น รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย
เป็นที่น่าสังเกต และเป็นประเด็นในพรรคส้ม ขณะที่ "ตัวตึง" ทั้งหลายถูกเลือก สะท้อนคุณภาพคน คุณภาพพรรค กับ "ไอติม" พริษฐ์ วัชรสินธุ คนที่ ธนาธร บอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ โปรไฟล์ไม่เป็นสองรองใครในหมู่เจนใหม่ แต่ไม่มีชื่ออยู่ในโครงสร้างบริหารของพรรค
ระหว่าง "ไอติม" กับ "โตโต้" ถามด้อมส้มว่าใครควรเป็นเจนใหม่มากกว่ากัน !?
ถ้าเจนใหม่คนดีย์ของธนาธรเป็นแบบนี้ ก็ต้องถามคนที่เลือกพรรคส้มต่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะไหวมั้ยอ่ะ!
++ “เพื่อไทย” แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อ“ทักษิณ”
จากที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน แบ่งข้าง อยู่คนละขั้ว แต่วันนี้หันมาจับมือกันแบบเฉพาะกิจ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา พุ่งเป้าไปที่เรื่อง “จริยธรรม”
แน่นอนว่าเมื่อผู้ติดตามการเมือง เห็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยื่นต่อประธานสภาไปแล้วนั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แก้เพื่อประโยชน์ของ “นักการเมือง” โดยตรง ประชาชนไม่ได้อะไรด้วยเลย
โดยเฉพาะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย 6 ข้อนั้น เพื่อประโยชน์ของพรรคเพื่อไทย ของ”อุ๊งอิ๊ง” และของ “ทักษิณ” โดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขนิยามมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ที่กว้างเกินไปจนกลายเป็นเครื่องมือประหารทางการเมือง เหยื่อสดๆ ร้อนๆ คือ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องตกเก้าอี้ เพราะกรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่มีประวัติไม่ค่อยผุดผ่องเท่าไหร่
หรือประเด็นครอบงำพรรคการเมือง ที่ต้องการจะตีกรอบให้แคบ ให้ชัด ไม่ใช่เอะอะ คนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วจะหาเรื่องยุบพรรคไปหมด เรื่อยไปถึงการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่ห้ามผู้ถูกตัดสิทธิ หรือโดนโทษทัณฑ์ เข้ามาเป็น
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการแก้ไขอำนาจขององค์กรอิสระ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต่อไปจะวินิจฉัยให้ใครพ้นเก้าอี้ จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ไม่ใช่เสียงข้างมากเหมือนในปัจจุบัน
เห็นกันชัดๆ ว่า แต่ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยยื่น ล้วนประเด็นร้อนๆ ที่สามารถจับมาเชื่อมโยงกับตัว “ทักษิณ” และ “อุ๊งอิ๊ง” ได้ทั้งนั้น เพราะตอนนี้สองพ่อลูกโดนร้องเรียนรายวัน
“พ่อ”โดนเรื่องครอบงำพรรค “ลูก”โดนเรื่องมาตรฐานจริยธรรม
ในจำนวน 6 ข้อที่พรรคเพื่อไทยยื่นแก้ไขนั้น นั้นมีข้อหนึ่ง คือต้องการแก้ไขมาตรา 235 ว่าด้วยอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของ สส. ซึ่งต้องส่งให้ศาลฎีกาในประเด็นมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ที่กำหนดให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งโดยไม่มีกำหนดเวลา และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งอีกไม่เกิน 10 ปี โดยแก้ไขระยะเวลา การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 5 ปี แต่ไม่มีการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง
ตรงนี้ว่ากันว่า แก้เพื่อให้ “ทักษิณ” ที่เคยถูกระบุว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ สามารถกลับมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ จะได้ตัดปัญหาเรื่อง “ครอบงำพรรค” เพราะถือว่าเป็นคนในพรรค
เรียกว่า ปูทางให้ “ทักษิณ” คืนชีพ ทางการเมืองอีกรอบ
ถึงวันนี้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ยื่นสู่สภาแล้ว ซึ่ง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา บอกว่าจะต้องส่งให้ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ทำการตรวจสอบก่อนบรรจุระเบียบวาระการประชุม และเนื่องจากเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องประชุมร่วม 2 สภา แต่ก็ต้องมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาจัดสรรเวลาก่อน
ขณะที่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ได้รับการแต่งตั้งมาเพื่อภารกิจการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะบอกว่า จะมีประประชุมพรรคร่วม ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เพื่อโหวตไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มี สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาแสดงความเห็นว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เห็นด้วยด้วยกับการแก้ไขเรื่องมาตรฐานจริยธรรม เพราะถือว่าเป็น “หลักการ” ในเรื่อง “การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ”
แต่พรรคเพื่อไทย คงไม่กังวลมากนัก เพราะมีพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะยกมือหนุน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 1 หรือ ขั้น"รับหลักการ" ตาม มาตรา 256 (3) ระบุว่า....
"การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่้มเติมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องมี สว.เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา"
สมาชิกรัฐสภา คือ สส.500+ สว.200 รวม 700 กึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาก็เท่ากับ 350 เสียงซึ่งไม่น่าเป็นปัญหา
แต่ยังมีอีกขยักคือ ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวน สว.ที่มีอยู่ คือต้องได้ สว. 67 เสียงขึ้นไปด้วย ถึงจะครบเงื่อนไข
ก็ต้องมาดูกันว่า ที่ว่ามี “สว.สีน้ำเงิน” ตั้งกว่าครึ่ง ค่อนนั้น พอถึงเวลาโหวตจริง จะได้เกิน 67 เสียงหรือไม่
เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ก็มีเสียงจาก สว. ออกมาส่งสัญญาณแล้วว่า...จริยธรรมอยู่ที่ตัวคน ถ้าไม่ชั่วจะไปกลัวอะไร !!