xs
xsm
sm
md
lg

"ทนายตั้ม" รับงาน"โจ๊ก" แจ้งความผิดให้ "บิ๊กแป๊ะ" สร้างสตอรี่ดูหมิ่น ป.ป.ช. รับเงินวิ่งเต้น ! ** หมดยุคบูรพาพยัคฆ์!! “บิ๊กปู” ผบ.ทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ... “บิ๊กแมว” ผบ.ทร. มารับไม้ต่อจาก“บิ๊กดุง” พัฒนาอู่ตะเภา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล – ษิทรา เบี้ยบังเกิด - พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ "ทนายตั้ม" รับงาน"โจ๊ก" แจ้งความผิดให้ "บิ๊กแป๊ะ" สร้างสตอรี่ดูหมิ่น ป.ป.ช. รับเงินวิ่งเต้น !

ความเคลื่อนไหวของ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ทำทีเดินทางไปติดตามทวงถามป.ป.ช. ถึงความคืบหน้าคดี "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. พร้อมกับโพนทะนา ว่ามีกระแสข่าววิ่งเต้นให้ป.ป.ช. กลับความเห็น ชี้มูลความผิด เจตนา และวาระซ่อนเร้นของ "ทนายตั้ม" นั้น อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่า ทำเพื่อใคร !? เพราะอะไร !?

“ทนายตั้ม” วันนี้หาใช่ทนายประชาชนตามเอ่ยอ้าง แต่เป็นทนาย "ลิ่วล้อ" หรือบริวาร ของ "โจ๊ก" พล.ต.อ สุรเชชษฐ์ หักพาล แบบสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่มีหูรูด

เพียงแต่ทำเนียน ไม่กล้าบอกตรงๆกับชาวบ้าน ตีฝีปากอ้างรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างไม่อายฟ้าดิน แม้แต่น้อย

งานนี้ ความจริงมีหนึ่งเดียว "ทนายตั้ม" ไม่เห็นจะต้องอายที่ตัวเองเป็น "บริวาร" รับใช้โจ๊ก เมื่อไหร่ จะเปิดหน้าเสียทีหลายๆ คนถามมา เพราะ สาธารณะชนไม่โง่ ที่จะดูออก ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ระหว่างโจ๊กกับตั้ม ความสัมพันธ์เป็นเช่นไร

เรียกได้ว่า สนิทสนมกันเป็นก๊วนแก๊งเดียวกัน หลักฐานคลิปวีดีโอ อยู่ร่วมวงสุมหัวกับโจ๊ก และลูกน้อง "ร้องคาราโอเกะ" สนุกสุดเหวี่ยงกับ "น้องมินนี่" ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์นั่นไง ตัวอย่าง

ของพรรค์นี้ปิดไม่มิด เพราะแพร่ไปทั้งโลกโซเชียลฯ ทุกคนยังจำได้

ฟังว่า“โจ๊ก” ใช้ “ษิทรา” ออกมาก่อกวน ป.ป.ช. และหาแสงจากสื่อครั้งนี้หวังผล "ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว"

ได้ทั้งใส่ร้ายป้ายสี ยัดเยียดข้อหาให้ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ปักใจแค้นเห็นเป็นปรปักษ์กับตนเอง กับ สะกดข่มป.ป.ช.ยุคใหม่ ที่เปลี่ยนถ่ายอำนาจจากยุค "ลุง" เมื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ คนของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เกษียณอายุไป มาสู่ชุดใหม่ ที่ "โจ๊ก" ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กับคดีตัวเองที่ค้างอยู่กับป.ป.ช.ไม่มี "พล.ต.อ.วัชรพล" แอบช่วยแล้ว คราวซวยจะมาตกที่โจ๊ก

เพราะ คดีของโจ๊กในสมัย “พล.ต.อ.วัชรพล” นั่งเป็นประธานนั่งทับเอาไว้ให้หลายคดี ทั้งๆ ที่คดี มีหลักฐานประจักษ์พยานชัดเจน เช่น คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

ขณะที่ “โจ๊ก” เลือกให้ “ทนายตั้ม” มั่นหน้าออกมาจี้ ป.ป.ช. เวลานี้เพื่อกวนน้ำให้ขุ่นเข้าไว้ โดยลืมไปว่า เครดิตของทนายตั้ม ไม่ได้มีมากกว่าไปกว่า "ม้าใช้" ที่โจ๊กใช้มา

ถ้า “ทนายตั๊ม” บริสุทธิ์ใจอย่างที่พูด ทำไมแซะ หรือดีสเครดิต "บิ๊กแป๊ะ" เท่านั้น ทำไมไม่จี้ ป.ป.ช. เรื่องดำเนินคดีกับโจ๊ก บ้าง!?

แถมงานนี้ "ษิทรา" นอกจากรับบทเป็น "ม้าใช้" ชอบมโน สร้างสตอรี่ตามนิสัยเดิมที่แก้ไม่หาย กระพือกระแสข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ วิ่งเต้นให้ ป.ป.ช. กลับความเห็นชี้มูลความผิด คดีทุจริตการจัดซื้อรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ

“ษิทรา” มีอาชีพทนายน่าจะรู้ดีว่า การมโนสตอรี่แบบนี้เท่ากับหมิ่นประมาทคณะกรรมการป.ป.ช ทั้งคณะ ดูหมิ่นทั้งสำนักงาน แล้วเชื่อหรือว่าคน ป.ป.ช.จะทน

บทสรุปคนรับงาน "โจ๊ก" ทั้งลูกน้อง-บริวารคนใกล้ตัวเป็นอย่างไร “ทนายตั้ม” ควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่างบ้างก็ดี จะได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ถูก...นะครับนะ.

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ - พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์
++ หมดยุคบูรพาพยัคฆ์!! “บิ๊กปู” ผบ.ทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ... “บิ๊กแมว” ผบ.ทร. มารับไม้ต่อจาก“บิ๊กดุง” พัฒนาอู่ตะเภา

ได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) ที่ขึ้นมาจากตำแหน่ง เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.)

“บิ๊กปู” ไม่ใช่สายตรง บูรพาพยัคฆ์ หรือทหารเสือราชินี เหมือนบรรดา“พี่น้อง 3 ป.” ป้อม-ตู่-ป๊อก แต่เป็นสาย “วงศ์เทวัญ” อันหมายถึง ทหารบกที่รับราชการในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล. 1 รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่อยู่ในกรุงเทพฯ และถือว่ามีบทบาทเรื่องความมั่นคงอย่างมาก ในอดีตมักจะผูกขาดตำแหน่งสูงสุดในกองทัพบก นั่นคือ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้ที่จะมาอยู่ในจุดนี้ มักจะเป็นนายทหารที่เป็นลูกหลานของนายทหารใหญ่ในอดีต ของตระกูลดัง อาทิ “ณ อยุธยา” “กรานเลิศ” “สุวรรณทัต” “อัตตะนันทน์” “หนุนภักดี” หรือ “คงสมพงษ์”

สำหรับ “บิ๊กปู” นอกจากอยู่ในสายวงศ์เทวัญ แล้วยังเป็น “ทหารคอแดง” ที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่ปัจจุบันว่ากันว่า ได้มาเป็น “กุนซือหลังม่าน” ด้านความมั่นคง ให้กับรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร”
“บิ๊กปู” เป็นลูกชายของ พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ. ซึ่งเคยรับราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์

สมัยเรียนเตรียมทหาร และนายร้อยจปร. “บิ๊กปู” เป็นหัวหน้านักเรียน เป็นนายทหารที่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโท มหาวิทยาลัยโอไฮโอ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล

เส้นทางชีวิตนายทหาร เติบโตจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หรือหน่วย RDF อันเป็นหน่วยต้นกำเนิดเดียวกับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ.

จากนั้นโยกมาเป็น เสธ.พล.1 รอ. และไปเติบโตที่พล.ร.11 จนขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.11 หรือ กองพลสไตรเกอร์ ภายใต้การสนับสนุนของ“บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.

“พล.อ.พนา” ขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อปี 2565 หลังจบการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ ของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) หรือ หลักสูตรทหารคอแดง

และเมื่อ “บิ๊กปู” ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็น ผบ.ทบ. เพราะจะต้องเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 โดยตำแหน่งด้วย ทำให้ ผบ.ทบ.จะต้องเป็นทหารคอแดง

วันนี้ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็น ผบ.ทบ.แล้ว และจะเกษียณอายุราชการใน ปี 2570

ส่วนผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) คนใหม่ คือ "บิ๊กแมว" พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เพื่อนร่วมรุ่นของ "บิ๊กดุง" พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม อดีตผบ.ทร. โดย “บิ๊กแมว”นั้น อยู่นอก 5 ฉลามทัพเรือ และไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือ แต่จบจากโรงเรียนนายเรือเยอรมัน

สำหรับประวัติ “บิ๊กแมว” พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ เกิดวันที่ 4 เม.ย.2508 ปัจจุบันอายุ 59 ปี และจะเกษียณอายุราชการ วันที่ 1 ต.ค. 2568

จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 23 โรงเรียนนายเรือเยอรมัน เมอร์วิค (MARINESCHULE MURWIK) เมืองเฟลนสบวก ประเทศเยอรมนี หลักสูตรพรรคนาวิน สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง รุ่นที่ 34 หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ รุ่นที่ 57 และ หลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือ (วทร.) รุ่นที่ 43

ส่วนตำแหน่งสำคัญที่เคยได้รับ คือ ผู้บังคับการเรือหลวงประแส, ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย, ผู้บัญชาการกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ รองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ
เป็นที่รับรู้กันว่า“บิ๊กดุง”เป็นผู้เสนอชื่อ “บิ๊กแมว” ขึ้นเป็น ผบ.ทร. และผลักดันเต็มที่จนเป็นผลสำเร็จ เพราะนอกจากจะสนิทสนมกันที่จะมารับภารกิจในการพัฒนากองทัพเรือแล้ว ยังต้องการคนที่วางใจได้เพื่อทำหน้าที่ประธานบอร์ด อีอีซี คุมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น