ไทย-อังกฤษ ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้าฉบับแรกในอาเซียน มุ่งขยายการค้า การลงทุน และการจ้างงานกว่า 20 สาขา พร้อมพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจา FTA ระหว่างกัน พร้อมลงนามตั้งบอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสทุกกลุ่มอาชีพ เร่งเครื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
วันนี้ (19 ก.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร เดินหน้ายกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย-สหราชอาณาจักร ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้าฉบับแรกในอาเซียน มุ่งขยายการค้า การลงทุน และการจ้างงานกว่า 20 สาขา โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศเข้าหารือ เพื่อเดินหน้ากระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายดักลาส อเล็กซานเดอร์ (The Rt Hon Douglas Alexander) รัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ซึ่งเดินทางเยือนเอเชียครั้งแรก นับตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่ง ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership : ETP) นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการจ้างงาน ของไทยและสหราชอาณาจักร
ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น นับเป็นข้อตกลงความร่วมมือทางการค้าฉบับแรกของรัฐบาลสหราชอาณาจักรชุดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สะท้อนถึงศักยภาพด้านเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานของไทยที่ยังคงน่าสนใจ รวมถึงความมุ่งมั่นในระดับการเมืองของไทยและสหราชอาณาจักร ที่จะขยายความร่วมมือในเรื่องการค้าและการลงทุนรอบด้าน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้จะรับรองแผนปฏิบัติการที่ระบุถึงกิจกรรมความร่วมมือที่สองฝ่ายจะดำเนินร่วมกันใน 20 สาขาสำคัญ ทั้งด้านยานยนต์ การท่องเที่ยว การลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล บริการทางการเงิน การศึกษา และอื่นๆ อีกมาก
นอกจากนี้ ในระหว่างการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ทั้งสองฝ่ายยังหารือเพื่อร่วมพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจา FTA ระหว่างกัน โดยต่างสนับสนุนการเริ่มเจรจาต่อเนื่องเพื่อขยายการค้า ผ่านการสร้างโอกาสทางธุรกิจโดยการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะในสินค้าศักยภาพของไทย เช่น ไก่แปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน จักรยานยนต์และชิ้นส่วน และเครื่องจักรกล พร้อมทั้งได้เชิญชวนให้นักธุรกิจสหราชอาณาจักรมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพิ่มเติม
“ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสหราชอาณาจักรเห็นความสำคัญของรัฐบาลไทย และประเทศไทย ในฐานะมิตรประเทศที่สำคัญและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังจะช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้ไทยจากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในสาขาที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงทำให้เกิดการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนยังจะนำไปสู่ข้อตกลงทางการค้าอื่นๆ รวมถึงการเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคตด้วย
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 321/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนั่งเป็นประธานเอง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน และการประกอบอาชีพ ด้วย