ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ร้องไม่พัก“เด็จพี่” จี้จุดสอบ “ลุงป้อม” เป็นส.ส.โดดร่ม อีกฝ่ายก็ฟ้องไม่พัก จัดอาญาพร้อม "หมาแก่"!
ใจคอฝ่ายเช็กบิลลุงจะไม่ให้โอกาส “ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พักหายใจหายคอ
ไม่ใช่แค่เปิดเกมคลิปเสียงหลุดลุง ล่าสุด “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกเพื่อไทย ที่ตอนนี้กลายเป็น“นักร้อง”เต็มตัว ไปยื่นหนังสือถึง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พลเอกประวิตร ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ได้ทำหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของส.ส.หรือไม่
งานนี้ “เด็จพี่” ทำการบ้านมา เจอว่าลุงไม่ได้มาลงมติประมาณ 13 ครั้ง จากทั้งหมด 16 ครั้ง หรือ 81.25 เปอร์เซ็นต์ที่ลุงโดดร่ม
ถ้าเป็นจริงถือว่าการทำหน้าที่ส.ส.ของ “พลเอกประวิตร” น่าเป็นห่วง เพราะตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ต้องอุทิศเวลามาประชุม และ ต้องไม่ขาดประชุมโดยไม่จำเป็น มิฉะนั้นสมาชิกภาพส.ส.จะสิ้นสุดลงเมื่อขาดประชุมเกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุม
“เด็จพี่” ยังขึงขังสำทับว่า งานนี้ร้องจริง ไม่ได้ร้องเหมือนนักร้องบ้านป่า!
แน่นอนว่า คนในบ้านป่ารอยต่อ มีหรือจะยอมให้ฟาดข้างเดียว ส่ง “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาต่อกรกับ “เด็จพี่” โดยว่า พร้อมพงศ์คงลืมไปว่า ที่นี่เป็นสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่โรงลิเก
“องครักษ์พิทักษ์ลุง”ยืนยันว่าลุงป้อมปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างถูกต้อง ใช้สิทธิตามข้อบังคับทุกประการ ถ้าไม่ยื่นใบลาเกิน 3 ครั้ง ก็ต้องหลุดจากการเป็นส.ส. และข้อบังคับของสภา ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับใครคนใดคนหนึ่ง
ตามด้วยชกไปอีกหมัดว่า วันนี้ “พร้อมพงศ์” แสดงตัวว่าเป็นนักตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบคนอื่นด้วย อย่าเลือกปฏิบัติ เช่น ตรวจสอบคลิปชั้น 14 รพ.ตำรวจ หรือ ทำไมไม่ไปตรวจสอบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ครอบครองที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งเสี่ยงขาดจริยธรรม
เรียกว่าจี้จุด “ลุงป้อม” มาก็จี้จุด "นายใหญ่" และ "ลูกสาว" ให้ระคายกันบ้าง
“สามารถ” ยังฝากถึง “พร้อมพงศ์” ว่า ที่นี่คือสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่โรงลิเก และ ลิเกเล่นกลางคืน ไม่ได้เล่นกลางวัน
ปะทะคารมพอได้เดือด แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งร้องไม่พัก ฝ่ายลุง ก็ฟ้องไม่พักเช่นกัน
ว่าแล้ว “ลุงป้อม”ก็มอบหมายเจ้าเก่า "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุด กับ “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” และ “ดนัย เอกมหาสวัสดิ์” ในข้อหา หรือฐานความผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่อง "ห้ามการดักฟัง" โดยการกระทำของ"เด็จพี่" และ “หมาแก่” ในการใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวที่ได้มาจากการลักลอบดักฟัง
ฟังว่า งานนี้ลุงสั่งลุยให้ดำเนินคดีอาญาเอาผิดกับ "เด็จพี่" กับ"หมาแก่" จนถึงที่สุด
แบบนี้ก็บันเทิงแน่นอน.
++ “ตากใบ” ประวัติศาสตร์บาดแผล...ที่ “ทักษิณ-บิ๊กป้อม” มีส่วนเกี่ยวข้อง
25 ต.ค.67 นี้ ครบ 20 ปีเหตุการณ์ตากใบ...และเป็นวันหมดอายุความของคดีนี้
ในปี 2547 เป็นช่วงที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี และ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ. เกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ อันเป็นปฐมบทที่ไฟใต้คุโชน เริ่มจาก...
4 ม.ค.47 - ปล้นปืน 413 กระบอก จากค่ายปิเหล็ง หรือ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นอกจากปืนถูกปล้นแล้ว ยังมีทหารเสียชีวิตคาค่ายด้วย
28 เม.ย.47 - เหตุการณ์กรือเซะ มีผู้เสียชีวิต 107 ศพ (ถ้านับรวมเจ้าหน้าที่ด้วย จะเป็น109 ศพ) เป็นเหตุการณ์โจมตีป้อมจุดตรวจ 11 แห่งใน 3 จังหวัดพร้อมกัน (ยะลา ปัตตานี สงขลา) จุดใหญ่ คือป้อมกรือเซะ ผู้ที่ก่อเหตุโจมตี โดนตอบโต้ จึงวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในมัสยิดกรือเซะ และมีการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มมัสยิดเก่าแก่แห่งนี้ มีผู้เสียชีวิตจุดเดียว 32 ศพ
25 ต.ค.47 - เหตุการณ์ตากใบ มีผู้เสียชีวิต 85 ศพ เป็นเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีการใช้อาวุธ มีผู้เสียชีวิตในที่ชุมนุม และที่โรงพยาบาล 7 ราย และเสียชีวิตระหว่างเคลื่อนย้ายอีก 78 ศพ โดยวิธีจับถอดเสื้อ นำเสื้อมัดมือไพล่หลัง จับไปนอนคว่ำหน้าเรียงซ้อนกัน 3-4 ชั้น บนพื้นรถยีเอ็มซี เดินทางเกือบ 200 กม. ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ช่วงถือศีลอด ขาดน้ำ อากาศ จนเสียชีวิต 78 ศพ
ถึงวันนี้ อัยการสูงสุด เพิ่งสั่งฟ้อง ผู้ควบคุมรถ และพลขับ รวม 8 ราย ที่ขนย้ายผู้ชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ ไปค่ายทหารจนเสียชีวิต ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
และก่อนหน้านี้ ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี ไว้พิจารณาแล้ว ชุดนี้มีจำเลยประกอบด้วย “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ “ทักษิณ” ตั้งมากับมือ และปัจจุบันก็เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
“พล.ท.สินชัย นุตสถิต” อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 , “พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์” อดีต ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า, “พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์” อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9, “พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล” อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร อ.ตากใบ , “นายศิวะ แสงมณี” อดีต รองผอ.กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้, “นายวิชม ทองสงค์” อดีตผู้ว่าฯ นราธิวาส
แต่ละคนตอนนี้ล้วนอายุเกิน 70 ปีกันแล้วทั้งนั้น ซึ่งศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับไปแล้ว เนื่องจากไม่มาศาลตามนัด ยกเว้น “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ” เนื่องจากมีเอกสิทธิ์คุ้มครองจากสภา เพราะเป็นสส. ซึ่งศาลนัดพิจารณาคดีอีกครั้ง15 ต.ค.นี้
เรื่องตากใบนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยให้สัมภาษณ์ ในช่องทางคลับเฮาส์ เมื่อ 23 ก.พ.64 เจอถาม ทั้งเรื่องกรือเซะ ตากใบ แต่ “ทักษิณ” ตอบว่า จำไม่ค่อยได้ จนโดนทัวร์ลงอย่างหนัก
ต่อมา 25 ต.ค.65 ครบรอบ 18 ปี ตากใบ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐถูกดำเนินคดี “ทักษิณ” ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง แบบ “ฟอกขาว” ให้ตัวเอง ขณะเดียวกันก็ถือโอกาส “โยนระเบิด” ใส่บิ๊กป้อม
โดยบอกว่าตัวเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นปฏิบัติการทางทหาร ขอให้ไปถาม “บิ๊กป้อม” ซึ่งเป็น ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ว่าเมื่อเกิดความสูญเสียขึ้นแล้วจะเยียวยาอะไรให้ชาวบ้านได้บ้าง
หนำซ้ำ “ทักษิณ” ยังจับโยงเป็นประเด็นการเมือง ประมาณว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของฝ่ายทหาร เพื่อที่จะเอาตัวเขาลงจากอำนาจ แต่ไม่สำเร็จในปี 2547 (ปีที่เกิดเหตุการณ์ตากใบ) ทว่ามาสำเร็จในอีกเกือบ 2 ปีต่อมา (รัฐประหาร 2549)
ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่ออกจากปาก “ทักษิณ” มานั้นจริง หรือไม่จริง
แต่เหตุการณ์ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ของรัฐบาล และผู้บริหารประเทศในยุคนั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการจุดชนวน ไฟใต้รอบใหม่ หรือ รอบปัจจุบัน ที่สร้างความสูญเสียมากที่สุด ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ถึงวันนี้ก็มีคำถามว่า เรื่องคอขาดบาดตายทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความบกพร่อง ผิดพลาดของใคร คนเป็นรัฐบาล หรือเป็นผู้นำประเทศ ไม่ต้องรับผิดชอบเลยหรือ หรือเป็นความผิดของผู้ปฏิบัติแต่เพียงฝ่ายเดียว