xs
xsm
sm
md
lg

"อิ๊งค์" ลุยแก้ยาเสพติด 1 ใน 10 นโยบายด่วนสานต่อ "เศรษฐา" ชูผลงานโบว์แดงจ่อขยายทั่วไทย-เข้มชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯคิกออฟแก้ยาเสพติด ชู 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนสานต่องาน "เศรษฐา" ยก ธวัชบุรีโมเดล-ท่าวังผาโมเดล-25 จว. ผลงานชิ้นโบว์แดง ประสบความสำเร็จ จ่อขยายครอบคลุมทั่วประเทศ ซีลชายแดนป้องยาประเทศเพื่อนบ้านทะลัก

วันนี้ (18ก.ย.) เมื่อเวลา13.35 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวา พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตํารวจเเห่งชาติ ตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้มาประชุมเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศและถือเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไปได้ ซึ่งปัญหายาเสพติดจะต้องดูแลเป็นอย่างดี หลังจากที่ตนลงพื้นที่มาหลายจังหวัดได้รับเสียงสะท้อนมาตลอดในเรื่องของปัญหายาเสพติดไม่ว่าจากสส.หรือประชาชนเองถือว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่หนักหน่วงทำลายทั้งสุขภาพจิตและสร้างปัญหาครอบครัว ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหาเรื่องยาเสพติดเป็น 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในทันที โดยจะขยายผลการดำเนินงานของรัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกฯ ที่ให้การป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ หลังจากที่ได้ติดตามมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ถึงวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจังหวัดเข้มข้น 25 จังหวัดที่เราโฟกัสเห็นจากการวัดผลออกมาแล้วเป้าหมายเห็นได้ชัดว่าทุกคนมีการร่วมมือกันอย่างทุ่มเทและจริงจัง ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานของภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งป.ป.ส.ที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการสำรวจความพึงพอใจจากประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นใน 25 จังหวัดนี้เห็นได้ชัด ก็ต้องฝากขอบคุณทางทีมงานด้วย ซึ่งได้ทราบมาว่าเราสามารถมีการจับกุมผู้ผลิตรายใหญ่ได้หลายราย และทำให้รายเล็กถูกจับกุมไปด้วยและทำให้ปัญหายาเสพติดลดน้อยลงประชาชนรู้สึกปลอดภัยขึ้น และพึงพอใจมากขึ้นและอยากให้รีบขยายจำนวนจังหวัดให้เร็วขึ้น เพื่อ ครอบคลุมทั้งประเทศโดยเร็ว ขณะเดียวกันตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่า 25 จังหวัดที่ช่วยไปแล้ว ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ขอความช่วยเหลือเรื่องนี้มา ซึ่งเราจะต้องทำต่ออย่างเข้มแข็ง และพื้นที่ที่ทำไปแล้วเป็นโมเดลอย่างอ.ธวัชบุรีโมเดล จ.ร้อยเอ็ดและท่าวังผาโมเดล จ.น่าน ถือเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้ผลมาก ซึ่งมีการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนด้วย ที่จะต้องป้องกันเข้มงวดชายแดน เพื่อทำให้ยาเสพติดไม่เข้ามาจากประเทศอื่น และยังมีในเรื่องของการมอบยุทโธปกรณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การจับกุมมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้จะให้มีการขับเคลื่อนต่อไป เพื่อเป็นการนำบทเรียนที่ทำมาแล้ว ประสบความสำเร็จใน 25 จังหวัดที่ผ่านมา นำทำต่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อะไรที่เราทำแล้วเกิดประโยชน์ก็ทำต่อไป อะไรที่เป็นขั้นตอนที่สามารถทำให้กระบวนการลดลงได้ก็อยากรบกวนให้ช่วยกระบวนการสั้นลง ตอนนี้เรามุ่งเน้นในเรื่องการปราบปรามและบำบัดเยียวยาตลอดจนทำให้ผู้เสพสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ พร้อมกับประกอบอาชีพและมีอาชีพหลังจากที่บำบัดหายแล้ว ซึ่งบางคนบำบัดหายแล้วยังต้องกลับเข้าไปสู่ยาเสพติดอีกครั้ง ก็พยามจะจบปัญหาเรื่องนี้ให้กับประชาชนให้ได้

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า จาก25 จังหวัดนำร่อง อยากให้กระจายไปทั่วประเทศอย่างภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคอีสานจังหวัดสกลนคร ภาคกลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้จังหวัดนราธิวาส ภาคตะวันออกจังึระยอง และขยายไปยังจังหวัดอื่นเพื่อให้สามารถครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดได้เร็ว และอยากให้มีการจัดทำ database ในกลุ่มที่จับกุมแล้วนำผู้เสพมารักษา

นอกจากนี้อยากให้ไปพิจารณาศึกษาเป็นโมเดลสำหรับผู้ที่ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำอยากให้มีการเพิ่มเรื่องของการให้ความรู้และการศึกษา เพราะผู้ติดยาเสพติดที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเปอร์เซ็นต์ ที่ยังได้รับการศึกษาน้อยอยู่ เพื่อนำไปแก้ไขและจัดทำเป็นนโยบาย zero drop out ขณะเดียวกันอยากให้มีการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจังเพราะปัญหาจะได้หมดและเราต้องมาทำงานซ้ำ

ด้านนายอุทัย สินมา อัยการสูงสุด สำนักยาเสพติด ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เสนอต่อที่ประชุมให้มีตัวชี้วัดในการยึดทรัพย์เกี่ยวกับคดียาเสพติด ว่า ปีสุดท้ายให้อัยการทุกคนจะต้องผ่านการชี้วัดซึ่งมี KPI จะต้องยึดทรัพย์สินผู้ต้องหายาเสพติด ปีสุดท้ายที่ แสนล้านบาท ต่อปี 

โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เบรคว่า ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญเรื่องการยึดทรัพย์เป็นมาตรการสำคัญแต่หากมีการชี้วัดปีละแสนล้านบาทอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งประชาชนได้ เพราะเป้าหมายสุดท้ายต้องยอมรับว่า ต้องยึดที่คำพิพากษาของศาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีตัวชี้วัดนี้แต่เราได้ออกมาตรการติดตามทรัพย์สินและการอายัดทรัพย์จึงเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเราต้องอยู่ที่ อัยการ หรือ ศาลชี้ว่าจะฟ้องหรือไม่ ไม่อยากให้ไปก้าวล่วงอำนาจศาล จะเป็นการบีบจัดให้ยึดทรัพย์แสนล้าน ในทางปฏิบัติก็จะเป็นการละเมิดหลักนิติธรรมด้วย

จากนั้นนายอุทัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าในกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องและศาลยกฟ้อง ตามมาตรา 68 กำหนดให้เลขาปปส.ยึดทรัพย์สินที่ใต้องสงสัยซึ่งตนขอเรียนที่ประชุมว่าซึ่งเดิมปปส.เคยกำหนดตัวชี้วัดนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการยึดทรัพย์สินตัดเส้นเงินเครือข่ายยาเสพติดปีสุดท้ายให้ได้ไม่น้อยกว่า แสนล้านบาท  

ทั้งนี้นางสาวแพทองธาร ได้พูดขึ้นทันทีว่าการยึดทรัพย์เป็นสิ่งที่เรากำลังมุ่งไปส่วนจะเยอะแค่ไหนหรือตัวกำหนดเป็นอย่างไรจะขอคุยในกลุ่มเล็กอีกทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา 

ก่อนที่จะตัดบทให้เลขาฯที่ประชุมรายงานและขอมติจากที่ประชุมและ สั่งปิดการประชุมทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น