ศปช ปฏิบัติการเชิงรุก มอบ มท.เร่งจ่ายเงินเยียวยาทันที หลัง ครม.อนุมัติงบ - พร้อมเร่งช่วยเหลือ จัดส่งอาหาร เครื่องมืออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ - สั่งสื่อกรมประชาสัมพันธ์แก้ผังรายการ เร่งสร้างการรับรู้ให้ ปชช.ป้องกันดราม่า - ประสานค่ายมือถือร่วมแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้ทันท่วงที
วันนี้(18 ก.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช.ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้ในที่ประชุมจะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในเรื่องสำคัญคือ
1. ติดตามประมวลข้อมูลสถานการณ์และธุรการในการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม จนเกิดอุทกภัย เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
2. บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการคาดการณ์วิเคราะห์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำในลำน้ำ แหล่งกักเก็บน้ำ พื้นที่น้ำหลาก และอิทธิพลจากการขึ้นลงของน้ำทะเล เพื่อการแจ้งเตือน สร้างการรับรู้
3. ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนผู้ประสบภัย รวมไปถึงการวางแผนการเคลื่อนย้าย การจัดเตรียมที่พักอาศัย และการจัดส่งอาหารเครื่องมืออุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ
4. ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์ให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกรมประชาสัมพันธ์ ในการเป็นแม่ข่ายดำเนินการ ให้ปรับผังการประชาสัมพันธ์ มาที่เรื่องสถานการณ์น้ำเป็นเรื่องหลัก ในช่วง 1-2 เดือนนี้ เพื่อป้องกันดรามาทั้งหลาย ซึ่งขอให้โฟกัสไปที่เรื่องการช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก
5. เชิญหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
6. ต้องรายงานผลให้ ศปช. ทราบเป็นระยะ ๆ
โดยทั้งหมดนี้คือ ภารกิจของเป้าหมายเบื้องต้นในการดำเนินการ แต่สิ่งที่สำคัญคือ การจัดการปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องของฝน หรือพายุ ที่เข้าประเทศไทยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน คาดว่าจะจบลงในช่วงกลางเดือนตุลาคม หลังจากนั้นสถานการณ์ฝนจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ เพราะฉะนั้น ศปช. จะดำเนินการเฉพาะหน้า เพื่อจัดการปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไปจนจบสถานการณ์ ซึ่งคาดว่า จะจบในปีนี้
ขณะที่การจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนจะสามารถจ่ายได้เร็วที่สุดในช่วงเวลาใดนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า เมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือ 3,045 ล้านบาท โดยกระทรวงมหาดไทยสามารถดำเนินการได้ทันที และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด และพยายามไม่ทำให้มีขั้นตอนทางกฎหมายมากมาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว เวลานี้หัวใจสำคัญที่สุด คือ ให้เราได้รู้สึกว่าได้ดูแลเยียวยา หากเรามัวรอว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอะไรก็จะใช้เวลา จึงได้มีมติอนุมัติในเงินก้อนแรกจำนวน 3,045 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้เวลาประมาณอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง เพราะกฎเกณฑ์นี้ใช้มา 10 กว่าปี ก็คาดว่าน่าจะมีการปรับกันอีกครั้งหนึ่ง พร้อมยอมรับว่า การวางกฎเกณฑ์มีปัญหาหลายอย่าง เพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขณะนี้คิดว่าจะต้องจัดการอย่างไรเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น
นายภูมิธรรม ย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยจะเป็นตัวหลักในการจัดการงบประมาณก้อนนี้ และเรื่องที่สำคัญคือการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และแยกออกจากความเสียหายในส่วนของพืชผลจากไร่นาต้องรออีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เอาแค่ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน
อย่างไรก็ตามได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ หนึ่งชุด เพื่อหาข้อสรุปในการเยียวยาเพิ่มเติม ในการทบทวนกฎระเบียบการเยียวยา โดยมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหนึ่งคณะ เพื่อไปศึกษารูปแบบการเยียวยา และการกำหนดจำนวนปริมาณ จะสามารถจบได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมมีการเตือนภัยล่วงหน้า ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA., สารสนเทศของกรมทรัพยากรน้ำ, หน่วยงาน ปภ., กรมอุตุนิยมวิทยา และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการตรวจสอบทิศทางลมมรสุมที่จะเข้าสู่ประเทศไทย ที่สามารถมองเห็นตั้งแต่ต้นทางตั้งแต่เขตประเทศเมียนมา และประเทศจีน และให้มีการประสานงานกับค่ายผู้ให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ มาร่วม เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยเป็นไปอย่างทันท่วงที