“สมศักดิ์” เรียกประชุม สสจ. 76 จังหวัด ถกเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม เผยนายกฯ ห่วงใยประชาชน อนุมัติเยียวยากว่า 3,000 ล้าน ขอทุกฝ่ายจับตาใกล้ชิด กำชับพื้นที่น้ำลดให้เร่งฟื้นฟู -ดูแลสุขภาพจิตชาวบ้าน ขณะที่กรมแพทย์แผนไทยฯ โชว์เจ๋ง ผุด “บาทาพิทักษ์" สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า
วันนี้ (17 ก.ย. 2567) เวลา 15.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมทางไกล (Web Conference) เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี สถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม มีนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข น.พ.โอภาส กานย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง ผู้บริหารกระทรวง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ร่วมประชุมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั้ง 76 จังหวัด โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ได้แสดงความห่วงใย และได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายชุดที่เกี่ยวข้องกับการดูแลประชาชน พร้อมกับตั้งศูนย์สนับสนุนอำนวยการสถานการณ์ที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ก็ต้องขอขอบคุณนายกฯ และอนุมัติงบกลางเพื่อเยียวยาน้ำท่วมตั้งต้นไว้ 3,000 ล้านบาท กรณีน้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ไม่เกิน 30 วัน รับเงินเยียวยา 5,000 บาท กรณี 30 วัน – 60 วัน เยียวยา 6,000 บาท และมากกว่านั้น 7,000 บาท และจะมีการดูแลช่วยเหลือด้านอื่นๆ อีก ครม.พูดคุยถึงการช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด และมีการตั้งคณะกรรมการเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมถาวร โดยตนเป็นคนเสนอให้นายกฯพิจารณา จึงมีการตั้งรองนายกฯ เป็นประธานแก้ไขปัญหาน้ำอย่างถาวร ขณะนี้ เราทราบถึงน้ำท่วม ดินโคลนถล่มเริ่มไปทั่วทุกภาคแล้ว ทั้งภาคเหนือ อีสาน ภาคใต้ ซึ่งภาคใต้จะมอบหมายให้นายเดอิศม์ รับผิอชอบ เยี่ยมเยียนประชาชน ตามข้อสั่งการของนายกฯ ขอให้ส่วนราชการสนับสนุนการทำงาน
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้สอบถามสถานการณ์ จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดของหลายจังหวัดจากทั้งภาคใต้ ภาคเหนือและภาคอีสาน อาทิ ภูเก็ต สตูล พะเยา นครพนม เป็นต้น ซึ่งได้มีการรายงานภาพรวมสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ไม่มีสถานการณ์วิกฤต รวมทั้งรายงานการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะเดียวกันยังพบว่าประชาชนมีปัญหาเรื่องน้ำกัดเท้า
เมื่อรับฟังรายงานเสร็จสิ้น นายสมศักดิ์ ได้มอบข้อสั่งการว่า ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมเวชภัณฑ์ และสำรวจกลุ่มเปราะบาง ซึ่งนายกฯเป็นห่วงกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก จึงขอให้ดูแลใกล้ชิด การจัดเตรียมป้องกันสถานพยาบาล แต่ที่ผ่านมาก็ปลอดภัยดี และขอให้ดูแลประชาชนที่อยู่โรงพยาบาลและไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้ เช่น ที่ศูนย์พักพิง ต้องเตรียมแพทย์สาธารณสุขในจังหวัดใกล้เคียงและส่วนกลางเพื่อเข้าสนับสนุน หากมีเหตุการณ์ ส่วนพื้นที่ที่น้ำลดแล้วนั้น ก็ให้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟู เข้าไปดูแลสุขภาพจิต โรคระบาดที่มากับน้ำ เป็นต้น สำหรับเรื่องน้ำกัดเท้าที่นายกฯ ให้ความสนใจเราก็มี ยาบาทาพิทักษ์ ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีสมุนไพรหลัก 3 ตัว ประกอบด้วย ขมิ้นชัน ทองพันชั่ง พญายอ จะได้นำไปแจกจ่ายประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนเข้าร่วมการประชุม นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบวงเงินกว่า 5,900 ล้านบาท ว่า เป็นการอนุมัติให้กับโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ สำหรับผู้ป่วยนอกกว่า 1,000 ล้านบาท และ ให้กับหน่วยบริการนวัตกรรมราว 3,000 กว่าล้านบาท ส่วนค่ารักษาผู้ป่วยในที่เดิมสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)จะจ่ายในการรักษาคือ 8,350 บาทต่อหน่วย ซึ่งตนได้คำนวณดูแล้วในปีนี้มีผู้มาใช้บริการเกินกว่ากรอบเงินที่ประเมินไว้ที่ 72,000 กว่าล้านบาทโดยประมาณ เกินไปเล็กน้อยราว 1-2 % เฉลี่ยค่ารักษาผู้ป่วยในจะจ่ายได้อยู่ที่ 8,154 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่ 7,000 บาทต่อ หน่วย การที่บอร์ดสปสช.เห็นชอบกรอบให้จ่ายที่ 7,000 บาทต่อหน่วย เป็นตัวเลขที่ประเมินไว้ แต่ข้อเท็จจริงตามเฉลี่ย 8,154 บาทต่อหน่วย แต่จะเสริมให้เป็น 8,350 บาทต่อหน่วย ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าแปลว่าจะจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยในที่ค้างรพ.อยู่ในอัตรา 8,000 กว่าบาทต่อหน่วย ไม่ใช่ 7,000 บาท นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตัวเลข 7,000 บาท เป็นตัวเลขที่ประเมินไว้ แต่จะมาจ่ายทบให้เป็น 8,350 บาท ตั้งใจไว้เช่นนี้ โดยจะใช้งบประมาณจากงบฯกลางนี้และงบส่วนอื่นที่มีอยู่ เนื่องจากยอดรวมเกินไปประมาณ 1,700 ล้านบาท
เมื่อถามต่อว่างบฯกลางจะเพียงพอใช่หรือไม่ เพราะเดิมเสนอของบไป 7,100 ล้านบาทแต่ได้อนุมัติมา 5,924 ล้านบาท นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บริหารได้ ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า งบฯกลางที่ได้รับอนุมัติจะจัดสรรให้รพ.ทันภายใน 30 ก.ย.นี้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2567 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็จะต้องทำให้ทัน โดยจะมีการประชุมบอร์ดสปสช.วันที่ 23 ก.ย.นี้ ส่วนที่ตนตั้งข้อสังเกตไว้ คือ ผู้ป่วยนอก และหน่วยบริการนวัตกรรม อย่างร้านขายยา จะขอให้อนุกรรมการที่ตั้งขึ้นใหม่ไปศึกษาดูว่าเป็นตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ต้องการให้ลงลึก เพื่อให้รู้จริงว่าเมื่อมีบริการ 30 บาทรักษาทุกที่ สิ่งที่เพิ่มขึ้น บริการดีขึ้น สบายขึ้น จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะต้องการให้พี่น้องประชาชนสะดวกสบาย เหมือนไปเที่ยวหรือไปไหนบริการดี ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นนิดหน่อยก็ต้องยอมรับได้