‘ปิยบุตร’ ชี้กรณี สส.ตกเป็นผู้ต้องหา มีเอกสิทธิคุ้มครองระหว่างสมัยประชุม แต่กรณี สส.เพื่อไทย ตกเป็นจำเลยคดีตากใบ ไม่ใช่ผู้ต้องหา รธน.ไม่คุ้มครอง ศาลพิจารณาคดีได้เลย ไม่ต้องทำหนังสือขอสภา
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงคดีตากใบว่ากรณีที่วันนี้(12 ก.ย.) มีการถกเถียงกันในสภาผู้แทนราษฎรเรื่อง พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี จำเลยในคดีตากใบ ผู้แทนราษฎรบางคนน่าจะเข้าใจผิดและสับสนระหว่าง กรณี สส.ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา กับ สส.ที่เป็นจำเลยในคดีอาญา
กรณีที่ สส.เป็นผู้ต้องหา รัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ให้ความคุ้มกันไว้เด็ดขาดในระหว่างสมัยประชุม เว้นแต่สภาจะมีมติอนุญาต ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา สภาจะไม่อนุญาต
กรณีที่ สส.เป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 125 วรรคสี่ เขียนไว้ชัดเจนว่า ศาลจะพิจารณาคดีอาญา สส.นั้นในสมัยประชุมก็ได้ แต่ต้องไม่กระทบกับการประชุมสภา
เมื่อ พล.อ.พิศาล สส.พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาค 4 ในกรณีตากใบ เป็นจำเลยในคดีนี้ ไม่ใช่ผู้ต้องหา ดังนั้น จึงไม่มีความคุ้มกันใดๆ ศาลพิจารณาคดีได้เลย มิใช่เรื่องที่ศาลต้องทำหนังสือมาขอสภาให้ส่งตัว มิใช่เรื่องที่ประธานสภาต้องใช้ดุลพินิจ มิใช่เรื่องที่ประชุมจะมีมติแต่อย่างใด ขอเพียงแต่อย่าไปนัดวันมาศาลให้ตรงกับวันประชุมสภาเท่านั้น
การมาเรียกร้องกับที่ประชุมสภา และประธานสภา ให้ส่งตัว พล.อ.พิศาล ไปขึ้นศาล จึงผิดฝาผิดตัว คนละเรื่อง
ที่ถูกต้อง คือ เรียกร้องไปที่ตัว พล.อ.พิศาล ให้ไปขึ้นศาลตามนัดหมาย
ที่ถูกต้อง คือ เรียกร้องไปที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ให้ช่วยกันโน้มน้าวขอร้องให้ พล.อ.พิศาล ซึ่งเป็น สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปขึ้นศาล
ทั้งหมด ก็เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมคดีตากใบ เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ปล่อยให้เกิดการพ้นผิดลอยนวล โดยอาศัยเทคนิคทางกฎหมาย ให้หมดอายุความในกลางเดือนตุลาคมปีนี้.