xs
xsm
sm
md
lg

"เด็จพี่" ขยี้ซ้ำ“ลุงหยุม” จัดฟูลออฟชัน ทั้งป.ป.ช.-กกต. จนถึงปปง. งานนี้ป่าแตก!? "ธรรมนัส" ยันอีกเสียงคลิปจริงไม่ใช่ AI ** “อุ๊งอิ๊ง” แถลงนโยบาย ยังย้ำวลีเด็ด จะทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า - แพทองธาร ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ "เด็จพี่" ขยี้ซ้ำ“ลุงหยุม” จัดฟูลออฟชัน ทั้งป.ป.ช.-กกต. จนถึงปปง. งานนี้ป่าแตก!? "ธรรมนัส" ยันอีกเสียงคลิปจริงไม่ใช่ AI

มาตามนัดจัดขยี้เน้นๆ จากปม “คลิปหลุด” เมื่อ “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนเป็นที่แรก จากเป้าหมายจะยื่นร้อง “ลุงหยุม” หรือ ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ครบทั้งองค์ประกอบข้อกล่าวหา 3 หน่วยงาน ป.ป.ช.-กกต. และ ปปง.

“เด็จพี่” เวลานี้เหมือนได้ทีขี่แพะรุกไล่ “เจ้าป่า” ที่ปัจจุบันบารมีเสื่อมโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด นับแต่ถูกถีบพ้นพรรคร่วมรัฐบาล จนพรรคแตกสาแหรกเปื่อย

อาศัยจังหวะลุงขาลง แถมศัตรูซุ่มอยู่ในมุมมืดอีกไม่รู้เท่าไหร่ ดังที่มือดีปล่อยคลิปออกมา 4 คลิป ที่ว่ากันว่า น่าจะเป็นเพียงหนังตัวอย่าง แม้ข้อเท็จจริงจะยังต้องรอพิสูจน์ว่าใช่ หรือไม่ หรือ เป็นการใช้ AI อย่างที่ “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” โฆษก พปชร. ออกมาตอบโต้ แต่ “เด็จพี่” ก็มั่นใจว่าจะ“ปิดสวิตช์”บ้านป่ารอยต่อได้

เพราะตามคลิปบทสนทนาโดยเฉพาะกับ “ไอ้โอ๋” นั้น “เด็จพี่” มองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นเจ้าพนักงานรัฐ ได้กระทำผิดรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ “เรียกรับเงิน” ไปเรียบโร้ย

ดังนั้น จึงขอให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาไต่สวน ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดี ฐานเรียกรับเงิน!

ยิ่งเมื่อไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ 1246/2510 ความผิดของเจ้าพนักงาน หากกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 “เพียงแต่เรียก” ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แม้ยังไม่ได้ทรัพย์ที่เรียกไปก็ตาม
งานนี้ “เด็จพี่” เชื่อว่า ลุงหนาวแน่!

ทั้งนี้ ตามมาตรา 173 เจ้าพนักงานรัฐผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1 แสนถึง 4 แสนบาท

มิหนำซ้ำจุดที่ถือว่าเป็น “ขุดหลุมฝัง” ได้เลยก็คือ 1 ใน 4 คลิป ที่ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ยืนยันว่า เป็นเสียงตัวเองจริง โดยพูดระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกฯ ดูแลความมั่นคง และกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย
ดังนั้น วันนี้ยื่นเอกสารหลักฐานต่อ ป.ป.ช.วันต่อๆ ไป วันที่ 13 ก.ย. จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ตามด้วย วันที่ 16 ก.ย. ยื่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ปี 2558 ...รับรองป่าแตก!!

ส่วน "ผู้กอง" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงในฐานะคนเคยใกล้ชิดลุง ออกตัวไม่ได้เข้าไปนานแล้ว เลยไม่รู้ความเคลื่อนไหว ขณะที่หลายคนมองว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นฝีมือของ “ร.อ.ธรรมนัส”หรือไม่!
“ผู้กองธรรมนัส” ย้อนถามว่าจะเอามาจากไหน เพราะออกมาตั้งนานแล้ว บางคลิปเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ลองฟังให้ดี...แต่เคยเตือนลุง สมัยที่อยู่ในพรรคแล้วว่า จะคุยอะไรทางโทรศัพท์ให้ระวังโดนดักฟัง

งานนี้ ต้องมีกระบวนการภายในพรรคเอง อย่าไปโทษคนอื่นเลย เป็นเรื่องภายในมากกว่า ใครจะเข้าถึงตรงนั้นได้ง่ายๆ

ขณะประเด็นที่ถกเถียงกันว่าคลิปจริง หรือ AI อดีต รมว.เกษตรฯ ฟันเปรี้ยง ไม่ใช่ AI แน่นอน เพราะปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นเสียงตัวเอง

“เด็จพี่”ขยี้!! “ผู้กอง”ขย้ำ!! แบบนี้แล้ว "ลุง" จะไปยังไงต่อ น่าสนใจติดตาม

แพทองธาร ชินวัตร - ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
++ “อุ๊งอิ๊ง” แถลงนโยบาย ยังย้ำวลีเด็ด จะทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี!!

เริ่มนับหนึ่ง “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หลังมีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เป็นที่เรียบร้อย (12 ก.ย.)
แต่ก่อนจะเข้าไปที่รัฐสภา นายกฯได้หอบหิ้วเอาสามี ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ตีห้า ฟ้ายังไม่สว่าง ทั้งที่มีกำหนดการจะเข้าสักการะในเช้าวันศุกร์ที่13 กันยายน ตาม “ฤกษ์มังกร” อยู่ก่อนแล้ว ทำเอาเจ้าหน้าที่ในทำเนียบฯ ต้องกันวิ่งวุ่น เพราะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

นัยว่าคุณสามีนายกฯ ติดภารกิจในช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย. มาร่วมพิธีไม่ได้ จึงต้องพามาก่อน ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ทำใจให้นิ่ง ก่อนไปแถลงนโยบาย

สำหรับช่วงแถลงนโยบาย ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่นายกฯ จะต้องอ่านไปตามโพยที่จัดไว้ โดยเฉพาะนายกฯใหม่ป้ายแดงอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” หากไปพูดนอกสคริปต์ เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง อีกทั้งนโยบายก็ยาวเหยียดใช้เวลาอ่านประมาณ 1 ชั่วโมง

เนื้อหาในช่วงแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ 9 ประการ ก็มี ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความเหลื่อมล้ำ สังคมผู้สูงอายุ ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการ SMEs ความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันทางการค้าจากต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง
จากนั้นพูดถึง 10 นโยบายเร่งด่วน ที่ต้องทำทันที ได้แก่ ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEsลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค การนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดิน เข้าสู่ระบบภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตรและราคาพืชผลเกษตร ส่งเสริมการท่องเที่ยว แก้ปัญหายาเสพติด เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม

ซึ่งในรายละเอียดของ10 นโยบายเร่งด่วนก็มีทั้ง กาสิโนคอมเพล็กซ์ เจรจาแหล่งทรัพยากรทางทะเลกับกัมพูชา ออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ รวมออยู่ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน วางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องของเศรษฐกิจ

ก่อนจบการแถลงนโยบาย “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ตบท้ายด้วยวลีเด็ดที่เคยถูกทำคลิปล้อเลียนจนเป็นไวรัล ว่า ...รัฐบาลจะสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม “ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย และประเทศไทย!!
ด้าน“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ในอนาคตอันใกล้ จะได้เป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ” ก็ชำแหละนโยบาย เริ่มด้วยการบอกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เป็น 1 ปีที่สูญเปล่า หลายนโยบายไร้ผลเป็นรูปธรรม แล้วอีก 3 ปีต่อจากนี้ ไม่รู้ว่าจะ “เจ๊า หรือเจ๊ง”

พร้อมทั้งตั้งฉายารัฐบาลว่า “รัฐบาล 3 นาย” คือ นายใหญ่ นายทุน และนายหน้า!!

แน่นอนว่า “หัวหน้าพรรคสีส้ม” ย่อมไม่ลืมที่จะใช้โอกาสนี้ พูดถึง “ขบวนการนิติสงคราม” ที่ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ของประเทศ ด้วยการยุบพรรคก้าวไกล ทำให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อของระบบการเมือง

จากนั้นก็พูดถึง เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จากที่เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก และตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงหลักการจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม และนโยบายเรือธงนี้ สุดท้ายใครจะได้ประโยชน์ ประชาชน หรือ หนึ่งในสามนาย กันแน่ที่จะได้

เช่นเดียวกับ นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีข้อครหาว่า จะมีการล็อกการประมูล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ... ยังมี “นโยบายแลนด์บริดจ์” ที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงใช้งบงบประมาณของรัฐ การเวนคืนที่ดิน อันนี้ เป็นนโยบายที่เอื้อให้กับนายหน้าค้าที่ดิน หรือไม่

อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้คือ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ไขทั้งฉบับ หรือแก้ไขรายมาตรา ควรบรรจุไว้ในเรื่องเร่งด่วน
โดยเฉพาะการแก้ไขในประเด็น ปัญหามาตรฐานทางจริยธรรม!!

ขณะที่คนนอกสภาฯอย่าง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.ประชาธิปัตย์ มองว่า นโยบายเร่งด่วนควรมีครบทั้งทั้ง 3 ด้าน คือการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่นี่ดูเหมือนจะไม่มีการพูดถึงนโยบาย ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน ทั้งที่มีข่าวการจับกุมข้าราชการ เรียกรับผลประโยชน์แทบทุกสัปดาห์ หรือ “ทักษิณ” ไม่ให้ใส่เอาไว้ เพราะแสลงใจหรือไม่ ที่ตัวเขาถูกดำเนินคดีในข้อหานี้

อย่างไรก็ตาม ถือว่าวันนี้ “พิธีการ” แถลงนโยบาย และอภิปรายจุดบกพร่องของนโยบายรัฐบาล ก็ได้ดำเนินการแล้ว หลังจากนี้ คณะรัฐมนตรีก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่กันได้

โดยปัญหาเฉพาะหน้า เร่งด่วน ในตอนนี้คือเรื่องน้ำท่วมภาคเหนือ ที่รัฐบาลจะต้องเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือเยียวยา


กำลังโหลดความคิดเห็น