“รอมฎอน” ทวงคำขอโทษจาก “อดีตนายกฯ” ปมคดีตากใบ กลางสภา พร้อมจี้ “แพทองธาร” ทบทวนนโยบาย-สั่ง ส.ส.ที่เป็นจำเลยในคดี ไปศาล เจอประท้วงเดือด หลังโชว์ภาพ “นายใหญ่” หรา
วันนี้ (12 ก.ย.) นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงนโยบายแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า รัฐบาลตั้งหลักว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาการเมืองต้องการทางออกทางการเมืองถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ 1 ปีของการบริหารภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว มีประเด็นต้องทบทวนเพราะเป็นการทำงานที่สูญเปล่า สำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชายแดนภาคใต้ พบการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไข และในปีงบประมาณที่ น.ส.แพทองธาร จะใช้มี 5.6 แสนล้านบาท แต่ที่ผ่านมา มีการใช้งบหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งตนไม่มั่นใจว่ามีการใช้งบประมาณเพื่อไปสนับสนุนการรัฐประหารใน 2 ครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
“ขอให้ตัดสินใจ มติ ครม. จะเอาอย่างไรต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะครบกำหนด 19 ต.ค. 67 ดังนั้น ต้องตัดสินใจว่าจะต่ออายุหรือไม่ ทั้งนี้ ผมอยากเห็นนโยบายที่รัฐบาลเขียนไว้มีการปฏิบัติเชิงบวก” นายรอมฎอน อภิปราย
นายรอมฎอน อภิปรายในช่วงท้ายด้วยว่า วันนี้ (12 ก.ย.) ศาลพิจารณาในคดีสำคัญของภาคใต้ และเหลืออีก 44 วัน คือ 25 ต.ค. จะสิ้นสุดอายุความ พร้อมกับนำภาพของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาแสดง พร้อมเขียนว่า “โอกาสของรัฐบาลลูกสาว โอกาสของประชาชน ความรับผิดชอบทางการเมืองจากประวัติศาสตร์บาดแผลเหตุการณ์ตากใบ 25 ต.ค.2557”
“การขอโทษและขออภัยกับชาวตากใบ เมื่อ 2 ปีที่แล้วสำคัญมาก” นายรอมฎอน อภิปรายแต่ยังไม่ทันครบความพบการประท้วงของ สส.พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วง และมองว่า เป็นการทำผิดข้อบังคับ เพราะเป็นเรื่องของบุคคลภายนอก ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วินิจฉัยให้ยึดข้อบังคับและอย่าพาดพิงถึงบุคคลภายนอก ทำให้ นายรอมฎอน ยอมไม่นำภาพดังกล่าวประกอบการอภิปราย พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ บอกสมาชิกรัฐสภาที่ถูกยื่นฟ้องในคดีตากใบขึ้นศาลตามนัด เพื่อสร้างบรรทัดฐานและสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรม สร้างสันติภาพ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นพร้อมกัน”
“ผมทราบว่า ในคดีตากใบที่พิจารณานัดแรกวันนี้ ไม่มีจำเลยไปศาล ทำให้ศาลออกหมายจับ 6 คน และเตรียมส่งหนังสือเฉพาะจำเลยที่หนึ่งมายังประธานสภา เพื่อขอจับกุม และทำตามหมายเรียก เรื่องนี้ที่หารือไปแล้วพิจารณา แต่เรื่องนี้เป็นมรดกของของคนรุ่นผมและรุ่นนายกฯที่แบกรับต่อ ผมอยากเห็นความกล้าหาญของนายกฯ แก้ปมปัญหาด้วยกัน แสดงจุดยืนวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดไม่เกิดขึ้นอีกการฆ่าประชาชนร้อยคนต้องไม่เกิดขึ้นอีก และไม่มีใครกล้าฆ่าประชาชนแบบนั้นอีก” นายรอมฎอน อภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงต่อการอภิปรายของฝ่ายค้านที่เสียดสี พาดพิงถึงการทำงานรัฐบาล 1 ปี ในสมัยของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในห้องประชุมสภา ทั้งนี้ สมาชิกสามารถอภิปรายในแนวนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ได้ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบอย่างไร แต่สิ่งที่บอกว่า 1 ปีสูญเปล่า พาดพิงถึงอดีตนายกฯที่ไม่อยู่ในห้องประชุมถือว่าเป็นการเสียดสี และกล่าวหา เป็นเรื่องที่ทำไม่ถูก
“หากบอกว่าทำไม่ถูก ไม่ดี ขอให้ใช้เวทีอภิปรายตามมาตรา 151 แต่ที่บอกและอภิปรายว่าทำผิด ทำไม่ถูกถือว่าเกินกว่าขอบเขตอภิปราย ดังนั้น ขอให้สมาชิกอภิปรายในกรอบ อย่าพาดพิงรัฐบาลในอดีตที่ไม่มาตอบในสภานี้ได้” นายจุลพันธ์ ประท้วง
ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ ได้กำชับให้สมาชิกได้อภิปรายในกรอบการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา