xs
xsm
sm
md
lg

“อังคณา” หวั่นรัฐปลุกผีนโยบายสงครามยาเสพติด ทำละเมิดสิทธิรุนแรงซ้ำ ขอยุติวัฒนธรรมลอยนวล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สว.อังคณา” หวั่น รบ.ปลุกผีนโยบายสงครามยาเสพติด ทำละเมิดสิทธิรุนแรงซ้ำ ขุดข้อมูลแฉ รบ.ก่อนกวาดล้างทำคนตายนับพัน-สูญหายนับสิบ ยังไร้ร่องรอยคนรับผิดชอบ วอนยุติวัฒนธรรมลอยนวล อย่าฟื้นความเชื่อมั่นแค่ปาก “ทวี” ประกาศยาเสพติดวาระแห่งภูมิภาค รบ.ฝ่ายเดียวแก้ไม่ได้ อาศัยทุกฝ่าย

วันนี้ (12 ก.ย.) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายถึงนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ว่า ตนมีความกังวลว่า รัฐบาลจะสร้างหลักประกันอย่างไรว่าความร่วมมือปราบปรามยางเสพติด จะไม่เป็นการปราบปรามโดยเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การที่รัฐบาลบอกจะแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดตนมีคำถามว่ารัฐบาลมีหลักประกันอย่างไรว่าการแก้ปัญหายาเสพติด จะไม่ซ้ำรอยนโยบายของรัฐบาลในช่วงสงครามยาเสพติดที่ผ่านมา ซึ่งจากรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบกรณีนโยบายสงครามยาเสพติด และรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า การดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลก่อน มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น 2,604 คดี มีผู้เสียชีวิต 2,873 ราย โดยแบ่งเป็นคดีที่ผู้ตายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1,187 คดี คดีที่ผู้ตายไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับคดีเสพติด 834 คดี รวมถึงคดีฆาตกรรมที่ไม่ทราบสาเหตุ 538 คดี นอกจากนี้ ยังมีคนที่ถูกบังคับให้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยรายงานของสหประชาชาติ ด้านการบังคับสูญหาย ระบุว่า ช่วงสงครามยาเสพติดมีคนหายมากกว่า 10 กรณี จากกรณีคนสูญหายในไทย 77 กรณี โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ทางเหนือและอีสาน วันนี้ คดีการสูญเสียชีวิตของคนนับพันคนที่พูดถึงหมดอายุความโดยไม่มีใครต้องรับผิด หรือรับโทษ จนประชาชนบอกว่า “มีคนตาย มีคนหาย แต่ไม่มีคนผิด”

นางอังคณา กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนกังวลว่า การที่รัฐบาลบอกว่าจะพลิกฟื้นความเชื่อมั่นโดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม คำถามคือรัฐบาลจะสร้างหลักนิติรัฐและนิติธรรม หรือความโปร่งใสได้อย่างไร ในเมื่อประเทศไทยยังมีวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด ประชาชนไม่เคยเข้าถึงสิทธิข้อมูลในกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ ซึ่งการลอยนวลพ้นผิดเช่นนี้ ถือเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม เพราะหลักนิติรัฐ คือ การรับประกันว่าประชาชนทุกคนจะมีความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย รัฐจะปกป้องผู้ไร้อำนาจจากผู้มีอำนาจ แต่ถ้าความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายถูกทำลายลง รัฐจะสร้างความเท่าเทียม หรือพลิกฟื้นความเชื่อมั่นต่อประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนทำผิดต้องถูกลงโทษ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดแทบจะไม่มีใครถูกลงโทษ

“ดิฉันจึงเห็นว่าการพลิกฟื้นความเชื่อมั่นที่สำคัญไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการที่รัฐต้องทำให้ประชาชนเท่าเทียมกันตามกฏหมายอย่างแท้จริง ต้องไม่ปกป้องคนผิด ไม่ปล่อยให้มีการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม และการอุ้มหาย รัฐบาลต้องยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดในประเทศไทย จึงอยากได้ยินคำมั่นจากรัฐบาลในเรื่องนี้”

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยได้เขียนไว้ในนโยบายเร่งด่วนว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดครบวงจรเริ่ม ตั้งแต่ตัดต้นตอการผลิต การจำหน่ายและร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านสกัด การควบคุมลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา และเส้นทางการนำเรียงยาเสพติด การปราบปราม การยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด รวมถึงการค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการรักษา ตั้งแต่การบำบัดรักษา การฟื้นฟูสภาพทางสังคม รวมถึงมีระบบติดตาม ดูแลและช่วยเหลือไม่ให้กลับมากระทำความผิด

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า เรื่องของยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรโทษกัน แต่ต้องแก้ปัญหา และวันนี้เราสามารถประกาศได้ว่ายาเสพติดที่อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ไม่มีผลิตในประเทศไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นเคมีภัณฑ์ ส่วนผสม หีบห่อ จะเห็นได้ว่ามาตรการในประเทศที่เราจะไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจนั้น เราทำได้เต็มที่ และทุกคนยอมรับกันว่าคนที่ทำลายยาเสพติดในประเทศไทยก็มาจากประเทศอาเซียน ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหายาเสพติดใน 1 ปีที่ผ่านมา พวกเราทำงานหนัก เราเปลี่ยนมิติใหม่จากการที่ฝ่ายปกครองคือผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ สาธารณสุข เราก็มาเริ่มต้นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข รวมถึงท้องถิ่น เพื่อให้ทั้ง 4 ส่วนนั้นมาช่วยกันแก้ปัญหา เราต้องการให้อนาคตของชาติเป็นคนที่มีสุขภาพดี เป็นผู้ป่วยชนิดหนึ่งที่สมองติดยา ฉะนั้น ต้องนำไปสู่การรักษา ซึ่งการแก้ปัญหายาเสพติดต้องแก้ด้วยหลักกฏหมาย หลักวิชาการ หลักอาชญวิทยา และหลักศีลธรรมต้องตามมาด้วย

“เราไม่พอใจถ้าประชาชนคนไทยยังถูกโจมตีด้วยยาเสพติด สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้ดูหรือพื้นฐานหนึ่งที่เราต้องช่วยกันแก้ อดีตผมคิดว่าเป็นบทเรียน ปัจจุบัน และอนาคต คือ ความรับผิดชอบ คือความรับผิดชอบของรัฐบาลนี้ และยืนยันว่า เราจะเข้มข้นและจัดการนักค้า แต่ใครที่บอกว่าจำนวนเงินมากน้อยนั้น ผมอยากให้ยึดหลักนิติธรรมไม่ใช่จับมาแล้วยึดทรัพย์หมด เรามีกระบวนการศาล มีกระบวนการตามหลักฐาน ไม่ใช่กระบวนการที่ไปบีบบังคับว่าต้องยึดทรัพย์ไว้ก่อน เพราะเป้าหมายของเราคือการยึดทรัพย์ของนักค้ารายสำคัญ ยืนยันอีกครั้งว่าอีก 3 ปีหลังจากแถลงนโยบายแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไป คือ ยาเสพติดเป็นวาระของภูมิภาค ไม่ใช่เป็นวาระแห่งชาติแล้ว เพราะยาเสพติดไม่ใช่ทำลายแค่คนไทย แต่ทำลายคนทั้งโลก ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดรัฐบาลฝ่ายเดียวคงไม่สามารถทำได้แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น