ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ หิวแสงไม่ดูตาม้าตาเรือ“หมอวรงค์”เจอ“ธรรมนัส” ดุฟาดด้วยคดี
งานนี้ต้องบอกว่า อยากมีเรื่องก็ได้เรื่องจริงๆ แถมถูกแจ้งความดำเนินคดีอีกต่างหาก สำหรับ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี
เรื่องของเรื่องเริ่มมาจาก“หมอวรงค์” ที่คัน ต้องการแสงหรืออย่างไรไม่อาจทราบได้ โพสต์เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จังหวัดชัยนาท และ พระนครศรีอยุธยา ของ “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อม รมช. อัครา พรหมเผ่า และ อิทธิ ศิริลัทธยากร เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมี “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมคณะ
“หมอวรงค์” เห็นแล้วจับผิดฟันธงฉับลงไปว่า การปรากฏตัวร่วมขบวน 3 รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ “ผู้กองธรรมนัส” ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา185 ที่ระบุ ห้ามสส.มาแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
นี่ทำให้ต่อมา “ผู้กองธรรมนัส” ออกมาตอบโต้อย่างดุเดือด ไล่ให้ “หมอวรงค์” ไปเปิดอ่านข้อกฎหมายให้ดี เพราะ รัฐมนตรีใหม่ จะปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ขณะที่ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม รัฐมนตรีทั้งสามคน นฤมล -อัครา และอิทธิ ยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้
“นพ.วรงค์” เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ?
“ ร.อ.ธรรมนัส” อธิบายเหตุสถานการณ์น้ำที่กำลังเข้าตีอยุธยาเมืองเก่า จะต้องไปสนใจเรื่องบ้าๆ บอๆ คำนินทาอะไร ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนอยู่ จำเป็นต้องโดดเข้าไปช่วย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร อย่าไปให้ความสนใจกับพวกสวะสังคม
พร้อมกับส่งสาร ไปถึง “หมอวรงค์” ว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ดุกว่าเดิมบอกเลย หนักมาสวนไป พร้อมท้ารบ ใครสวนมา ผมสวนกลับ
ข้างฝ่าย “นพ.วรงค์” ก็ไม่ลดราวาศอก ไลฟ์สดและโพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำเหตุผลของตนเองว่า “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นแค่ สส.ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ห้ามสส. มาแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
และไม่ลืมท้าทาย “ร.อ.ธรรมนัส” ขนาดพ่อนายกฯ ยังไม่กลัว ยังบอกไปเลยว่า “กูไม่กลัวมึง” สำหรับผู้กองขอใช้คำนี้เช่นกันว่า “กูก็ไม่กลัวมึง”
เอาดีๆ หากพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม งานนี้ “หมอวรงค์” เองก็ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือให้ดี โดยเฉพาะข้อกฎหมาย รัฐธรรมนูญ มาตรา 168(1) บัญญัติให้ ครม. ที่พ้นจากตำแหน่ง อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา162 บัญญัติว่า ครม.จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้ ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ดังนั้น กรณีของ “ร.อ.ธรรมนัส” จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 185(1) ที่ห้ามส.ส.แทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ เพราะ อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ต่อ
เรียกว่า รัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างชัดเจน
เมื่อปรากฏหลักการ และข้อกฎหมายชัดเจน ล่าสุด “ร.อ.ธรรมนัส” จึงจัดให้หมอวรงค์ตามคำขอ โดยส่ง “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” คณะที่ปรึกษา นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีฟ้องร้อง “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี ข้อหาหมิ่นประมาทเรียบโร้ย.
++ 'วิทยา อาคมพิทักษ์' ประธานป.ป.ช.คนใหม่ ที่อยู่ได้แค่ 3 เดือน
สดๆร้อนๆ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพิ่งมีมติ 5 ต่อ 1 เสียง เลือก “วิทยา อาคมพิทักษ์” กรรมการ ป.ป.ช. ขึ้นมาทำหน้าที่ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แทน “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่เกษียณอายุ เนื่องจากอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 9 กันยายน 2567
“วิทยา อาคมพิทักษ์” จัดว่าเป็นลูกหม้อโดยแท้ของ ป.ป.ช. เขาจบปริญญาตรีศิลปะศาสตร์บัณฑิต รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยปทุมธานี
เริ่มรับราชการที่กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะมานั่งทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบสวน 3 สมัยที่ป.ป.ช. ยังใช้ชื่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ จากนั้นก็ทำงานใน สำนักงาน ป.ป.ช. มาโดยตลอด เติบโตในหน้าที่การงานมาตามลำดับ โดยในปี 2551 ขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักการข่าวและกิจการพิเศษ
ปี 2554 เป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ปี 2556 เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
จากนั้นได้ลาออก และเคยเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.แต่พลาด จนมาลงสมัครเข้ารับการสรรหาและได้รับแต่งตั้งเป็น “กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” ในปี 2557 ก่อนลาออกมาสมัครชิงตำแหน่ง กรรมการป.ป.ช. จนได้รับเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ในวันที่ 30 ธันวาคม 2558 เรียกได้ว่า คนนี้รู้ทุกซอกทุกมุมของ ป.ป.ช
ทั้งนี้ “วิทยา อาคมพิทักษ์” เป็นหนึ่งในกรรมการป.ป.ช. ที่ได้รับเลือกมาตามรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งบทเฉพาะกาล ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 273 กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ดำรงอยู่ก่อนหน้าที่จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และยังคงมีวาระการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 247 ที่กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของ ป.ป.ช. ไว้ที่ 9 ปี ซึ่ง “วิทยา” จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567
การได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานป.ป.ช.ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 เดือนเศษจากนี้ จึงเหมือนของขวัญที่ลูกหม้อ ป.ป.ช.คนนี้ได้รับ ก่อนหมดวาระ
