ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เรืองไกร ส.บ้านป่าต่อรอย VS "อ้วน" สหายใหญ่ กลาโหม ศึกฟื้นฝอยหาตะเข็บ ใครเจ็บไม่รู้ แต่ "ลุงหยุม" โดนอีกตามเคย!?
ไม่ต้องรอครม.ใหม่เข้าทำงาน นักร้องนัมเบอร์วัน “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ก็ทำงานทันที..
จัดแจงส่งหนังสือถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” กรณีเสนอชื่อ "อ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 8 หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรี ของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
เรียกว่า ก๊อปปี้ เรื่องร้องเรียนนายกฯเศรษฐา ตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" มาเด๊ะๆ
แต่ผลลัพธ์ จะออกมาอย่างไร คงต้องรอเวลาเป็นคำตอบ
แต่เท่าที่ดูจากเหตุผลประกอบของนักร้องที่รับรู้กันว่าเป็นคนของค่ายบ้านป่ารอยต่อของ "ลุงหยุม" หรือ ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โดนทัวร์ลงเละ!
ที่บรรยายว่า “อ้วน-ภูมิธรรม” เคยมีชื่อคือ "สหายใหญ่" เคยร่วมกระทำการในลักษณะที่อาจจะเข้าข่ายเป็นการล้มล้าง หรือ เป็นปฏิปักษ์ต่อระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย... ซึ่งโปรไฟล์นี้ของ ภูมิธรรม “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ควรรู้ หรือ ต้องรู้!
น้ำหนักเมื่อเทียบนุ่นถึงกับเบากว่าเยอะ ยิ่งเทียบกับกรณีพิชิต ยิ่งห่างไกล
ขณะที่ “สหายใหญ่” สวนกลับเบาๆ ยืนยันว่าตัวเองเข้ามาตามกระบวนการ ทุกอย่างที่มาก็เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องในอดีตนั้น ที่เข้าไปนั้นก็ไม่ได้ฝักใฝ่อะไร แต่เป็นเรื่องการหนีตาย และเมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว ก็มีการนิรโทษกรรมเรียบร้อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ทุกคนก็กลับมา...ไม่เข้าใจว่า “เรืองไกร” จะไปรื้อฟื้นให้เกิดความขัดแย้งในชาติอีกทำไม!?
ตบท้ายด้วยว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งหน้า ก็คงจะต้องเสนอให้มีการเอาผิดกับการร้องที่ไม่เป็นธรรม หรือไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ร้องก็ควรจะต้องชดใช้บ้าง
มาถึงตรงนี้ มวยคู่ระหว่าง “เรืองไกร ส.บ้านป่าต่อรอย VS สหายใหญ่ กลาโหม” เปิดฉากด้วยหมัดแย็ป ฟื้นฝอยหาตะเข็บของ เรืองไกร โดนสวนด้วยหมัดตรงของ อ้วน-ภูมิธรรม
ท่ามกลางกองเชียร์ และกองแช่ง เห็นว่ายกแรก “เรืองไกร” ที่ฟื้นฝอยหาเหตุสอยนายกฯอุ๊งอิ๊ง โดยหวังผลอะไร ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า ต้องการสร้างโอกาสให้ “ลุงป้อม”อีกครา
“ลุงป้อม” ที่หายใจเข้าก็เก้าอี้นายกฯ หายใจออกก็ต้องการ “ครุฑตัวที่สอง”
นักร้องนัมเบอร์วันที่ออกหมัดสะเปะสะปะครั้งนี้ ใครเจ็บไม่รู้ แต่ "ลุงหยุม" โดนอีกตามเคย!
++ “ลุงป้อม” จัดทัพสู้ ตั้งกก.บห. 24 คน คอการเมืองมอง ลิ่วล้อเก่า-ใหม่ จ้องรุมทึ้งมากกว่า
หลังจาก “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกรรมการบริหารพรรคในลุ่มอีก 6 คน เปิดโอกาสให้ “ค่ายป่ารอยต่อฯ” ได้ยกเครื่อง จัดทัพ ปรับกระบวนใหม่
ถัดมา “ลุงป้อม” พ.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้เรียกประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย “ลุงป้อม” ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเช่นกัน แต่เป็นการลาออกเชิงเทคนิค เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไปทั้งคณะ แล้วเลือกกันใหม่
คราวนี้ “ลุงป้อม” คัมแบ็ก กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค โดยมี “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เป็นเลขาธิการพรรค
ตั้งรองหัวหน้าพรรคอีก 8 คน มี สันติ พร้อมพัฒน์ - ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ - ตรีนุช เทียนทอง - อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ - ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ - ชัยมงคล ไชยรบ - อภิชัย เตชะอุบล
ที่เหลือเป็นกรรมการบริหารพรรคตำแหน่งต่างๆ โดยในจำนวนนี้มี “วัน อยู่บำรุง” ร่วมด้วย เบ็ดเสร็จรวมแล้วมีกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 24 คน ไม่มีคนใน “ก๊วนผู้กองธรรมนัส” และคนในกลุ่ม “วิรัช รัตนเศรษฐ์” ขาใหญ่แห่งเมืองโคราช
คอการเมืองแปลกใจที่เห็น “ลุงป้อม” ตั้งกรรมการบริหารพรรคมากมาย แบบแจกเก้าอี้ให้ทั่วถึง ต่างจากพรรคอื่นๆ ในยุคนี้ ที่พยายามลดจำนวนกรรมการบริหารพรรคลง ให้เหลือเท่าที่ทำเป็น เพื่อลดความเสี่ยง เผื่อถูกยุบพรรคจะได้มีคนถูกตัดสิทธิ์ ไม่มาก
แต่ที่ “ลุงป้อม” ตั้งไว้เยอะขนาดนี้ ว่ากันว่า เป็นเทคนิค “มัดขา” ลูกพรรคเอาไว้ แบบไปไหนไปกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน พังก็พังด้วยกัน
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า “เน้นปริมาณ” แต่ดูแล้วไม่ค่อยมี “คุณภาพ” ไม่มีประเภท “เซียนการเมือง” ที่สามารถวางกลยุทธ์ ปั้นจำนวน สส. ที่ถือเป็นหัวใจหลักของการทำพรรคการเมืองได้เลย
ต่างจากในยุคที่มี “ผู้กองธรรมนัส” และ “วิรัช รัตนเศรษฐ์” อยู่ด้วย
ที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้ ที่คิดว่าพอฝากผีฝากไข้ได้หน่อย เห็นจะเป็น “ก๊วนสันติ“ บ้านใหญ่เพชรบูรณ์ แต่ช่วงที่ผ่านมาก็เล่นบท “กั๊ก” ตีสองหน้าให้เห็นมาแล้ว ส่วน “ตรีนุช เทียนทอง” บ้านใหญ่สระแก้ว ก็ยากที่จะพา สส.ฝ่าด่านเข้ามา เพราะตอนนี้ “สรวงศ์ เทียนทอง” นั่งเป็นเลขาพรรคเพื่อไทย คอยขวางอยู่ ส่วน“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ขาใหญ่สิงห์บุรี ก็เห็นแล้วว่า มาแต่ตัว พาลูกทีมมาไม่ได้ กลุ่มกำแพงเพชร ที่เคยอยู่กับ “วราเทพ รัตนากร” ก็ไปกับ “ไผ่ ลิกค์” ในก๊วนผู้กองแล้ว
ส่วน สส.สมัยแรกของพรรคอย่าง “ฉกาจ” จากพังงา , “ไชยมงคล” จากสกลนคร, “กระแสร์” จากหนองคาย, “กาญจนา” จากชัยภูมิ, “สุธรรม” จากนครศรีธรรมราช, “คอซีย์“ จากปัตตานี และ “ทวี” จากเมืองตรัง ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเป็น สส. สมัยที่ 2 หรือไม่
ขณะที่ “ไพบูลย์”เลขาธิการพรรค ตลอดจน “อุตตม-สนธิรัตน์” ที่เป็นอดีตหัวหน้า-เลขาธิการพรรค แถมเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่มาก่อน ก็เป็นนักการเมือง ที่ไม่ได้มีพื้นที่ หรือมีฐานเสียงของตัวเอง
ไล่เรียงดูแล้วต้องบอกว่า ข้างกาย “ลุงป้อม” วันนี้แทบไม่มี ”ขุนพลการเมือง” ที่พอเชื่อมือ ในเรื่องการเพิ่มจำนวนสส.ได้เลย บรรดา“บ้านใหญ่” ที่ยังอยู่ ก็ดูท่าว่าพร้อมจะตีจากไปได้ทุกเมื่อ หากมีดีลดีๆมาเสนอ
แต่ที่“ลุงป้อม”ยังฮึดสู้ ไม่ยอมวางมือ ก็เพราะสมาชิกคนรุ่นใหม่ที่อยู่ข้างกาย คอยเป่าหูว่า “ลุงป้อม” ยังมีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์ ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้... เชื่อเถอะ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” อยู่ได้ไม่นาน เพราะในพรรคมีนักร้องอย่าง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” และนักกฎหมายอย่าง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” คอยจับผิดอยู่ทุกฝีก้าว
ร้องไป10 เรื่อง 20 เรื่อง ต้องมีสักเรื่อง ที่ทำให้รัฐบาลพังได้ และเมื่อนั้น “ลุงป้อม”ก็จะมีโอกาส คว้า “ครุฑตัวที่สอง”มาเชยชม
ก็น่าเห็นใจ “ลุงป้อม” ที่ตอนนี้ไม่ต่างจากนักพนัน ที่กำลังหน้ามืด เพราะเพิ่งเสียเงินเสียทองไปจากการลุ้นเก้าอี้นายกฯ รอบที่แล้ว เมื่อกองเชียร์รอบข้างบอกว่า รอบใหม่ยังมีลุ้น ก็พร้อมจะทุ่มไปอีกเท่าตัว เพื่อเอาทุนคืน บวกกำไร
เราจึงยังเห็นพรรคพลังประชารัฐ ที่ใครๆ คิดว่าจะพัง กลับไม่พัง เพราะยังมีนักเกาะกินรุมล้อมคอยค้ำยัน “ลุงป้อม” ที่เป็น“ถุงเงิน ถุงทอง” อยู่