กปร. ครบรอบสถาปนา 43 ปี ดำเนินงานโครงการพระราชดำริต่อเนื่องทั่วประเทศ ย้ำ จะสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่สร้างสรรค์สังคมไทยให้ก้าวหน้า
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2567 นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กล่าวถึงโอกาสครบรอบวันสถาปนา 43 ปี สำนักงาน กปร. ว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิปภาคของประเทศนั้น มีส่วนสำคัญต่อการเสริมแผนงานต่างๆ ของรัฐบาล เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง อันเป็นผลจากพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถพิตร , สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ในการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน
ในการดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำริของหน่วยงานต่างๆ นั้น หากต่างฝ่ายต่างทำขาดการประสานงานความซ้ำซ้อนอาจเกิดขึ้น นอกเหนือจะล้าช้าแล้วยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ เพื่อความสอดคล้องซึ่งกันและกันอันจะบรรลุผลตามแนวพระราชดำริที่ได้พระราชทานไว้ รัฐบาลจึงได้จัดระบบการสนองพระราชดำริขึ้นในปี พ.ศ. 2524 โดยออก “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2524” มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2524 โดยกำหนดให้มีองค์กรระดับชาติรับผิดชอบเรียกว่า “สำนักงาน กปร.”
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครอบคลุมในทุกด้านทั้งแหล่งน้ำ คุณภาพชีวิตของพสกนิกร การสาธารณสุข การศึกษา การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ ทรงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขึ้นจำนวน 6 แห่ง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อศึกษาวิจัยทดลอง ภายใต้บริบทภูมิประเทศ และภูมิสังคมจนประสบความสำเร็จแล้วขยายผลสู่การนำไปปฏิบัติใช้ของราษฎร โดยให้ประชาชนเข้าไปเรียนรู้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วนำสิ่งเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และประกอบอาชีพ
นางสุพร กล่าวด้วยว่า มีการขยายผลเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ มากถึง 221 แห่ง (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2567) เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่หลากหลาย นับตั้งแต่เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ การประมง ปศุสัตว์ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปจนถึงการแปรรูปและหัตถกรรม และเพื่อให้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ศูนย์สาขาฯ และเกษตรกรขยายผลฯ มีช่องทางด้านการตลาดเพิ่มขึ้น สำนักงาน กปร. จึงได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พัฒนาต่อยอดให้ได้รับเลขที่จดแจ้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อย. โดยในปี 2567 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 72 รายการ เป็นผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ 6 ศูนย์ ศูนย์สาขาฯ 6 ศูนย์ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ และโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ 5 แห่ง
นอกเหนือไปจากการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการตลาดในภาพรวม ทั้งห่วงโซ่คุณค่าแห่งการพัฒนาแล้ว สำนักงาน กปร. ยังได้สนับสนุนด้านช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ศูนย์สาขาฯ และเกษตรกรขยายผลในพื้นที่ โดยการจัดตั้งอาคารร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตรราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย อาคารสิริพัฒนภัณฑ์ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ จ.จันทบุรี ร้านเลิศพัฒนภัณฑ์ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ จ.สกลนคร ร้านบวรพัฒภัณฑ์ฯ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ จ.เพชรบุรี ร้านพิกุลเกษตรภัณฑ์ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส และร้านพวงคราม ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิชัยพัฒนา และสำนักงาน กปร. ในการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝก และพืชสมุนไพรในการส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟูประชาชนผู้มีปัญหาด้านทันตกรรม อีกด้วย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 43 ปี สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่ด้านการประสานงานกับส่วนงานที่ร่วมสนองงานขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี และจักมุ่งมั่นเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาและสรรค์สร้างสังคมไทยให้มีความเจริญ ด้วยก้าวย่าง อย่างก้าวหน้า เพื่อความมั่นคง ของสังคมไทยสืบไป