xs
xsm
sm
md
lg

“ไพบูลย์” มั่นใจปรับโครงสร้าง พปชร.อุดรอยรั่วได้ เล็งตรวจสอบ “อุ๊งอิ๊ง” ลั่นอยู่ยาวไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจหรือพรรคทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไพบูลย์” มั่นใจปรับโครงสร้าง พปชร.อุดปัญหารอยรั่วได้ ยัน กก.บห. เป็นหนึ่งเดียว ย้ำไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ-ไม่ใช่พรรคทหาร เชื่ออยู่ยาว ออกตัวถนัดและชอบตรวจสอบรัฐบาล พร้อมทำหน้าที่ฝ่านค้าน เปรยลุยตรวจสอบ “นายกฯ  อิ๊งค์” ปัดตอบจัดการยังไง ปม สส.กลุ่มธรรมนัสโหวตสวน

วันนี้ (6 ก.ย.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ คนใหม่ ให้สัมภาษณ์หลังที่ประชุมมีมติเลือก โดยระบุ แนวทางการทำหน้าที่หลังได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่า จะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานของเลขาธิการพรรค เดิมมีบทบาทที่จะดูแลผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วประเทศ งานหลักของเลขาธิการพรรคในการดำเนินการสนับสนุนฝ่ายต่างๆ อาจไม่ได้ทำมากพอ ซึ่งหัวหน้าให้นโยบายว่ามีการปรับโครงสร้างวิธีการทำงานของเลขาธิการพรรคให้เป็นฝ่ายสนับสนุนรองหัวหน้าพรรคหัวหน้าพรรคทั้ง 8 คน ที่จะทำหน้าที่ดูแลผู้สมัครรองรับเลือกตั้งในแต่ละส่วนตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย โดยการปฏิบัติงานขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรค

“เชื่อว่า การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 24 คน จะสร้างความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่นให้กับพรรคประชารัฐที่เจริญก้าวต่อไป” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ ระบุต่อว่า หลังจากนี้ เมื่อกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้าทำหน้าที่จะมีการประชุมกัน และจะกำหนดแนวทางต่าง ให้เป็นไปตามลำดับ และย้ำว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีโครงสร้างที่เข้มแข็ง ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค และรองหัวหน้าพรรคมาจากผู้ที่เป็นนักวิชาการด้วยผสมผสานกับ สส. และแกนนำของพรรครวมถึงอดีตรัฐมนตรีหลายคน

ขณะเดียวกัน กรรมการบริหารพรรคทั้ง 12 คน มีครบทุกส่วนของพรรค ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีความเข้มแข็ง นอกจากนี้ สส.-อดีตรัฐมนตรี-นักวิชาการ ที่มีความรู้เข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค โดยการประชุมกรรมการบริหารพรรคต่อไปจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ

โดยมั่นใจว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะสามารถอุดรอยรั่วได้และทำให้กรรมการบริหารพรรคเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความมั่นคง เพราะทุกพรรคนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการในนามพรรค ถ้าคณะกรรมการบริหารพรรคมีความมั่นคงเป็นหนึ่งเดียวเป็นเอกภาพ เชื่อว่า การดำเนินงานต่างๆ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคณะกรรมการบริหารชุดนี้จะมีบทบาทสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนพรรค

และแสดงความพร้อมที่จะทำหน้าที่บทบาทฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลก็ยืนยันที่จะทำให้ดีที่สุด หรือเป็นฝ่ายค้านก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน จึงเชื่อมั่นว่า จะก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง ขอให้คอยติดตามหลังจากนี้ ภายใต้การนำของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอนุรักษ์นิยมทันสมัย หรืออุดมการในการปกป้องสถาบันที่มีการย้ำตลอดว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการ

นายไพบูลย์ กล่าวถึงพรรคพลังประชารัฐที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดยทหาร จะแตกต่างอย่างไรกับพรรคการเมืองที่ตั้งโดยทหารในอดีตที่ที่ผ่านมาจนถูกมองว่าเป็นพรรคชั่วคราวเฉพาะกิจแก้สถานการณ์การเมือง ว่า ย้ำหลายครั้งว่า พลเอก ประวิตร เป็นทหารนอกราชการ การที่ที่มีนายทหารนอกราชการมาร่วมงานในพรรค เป็นสัดส่วนน้อยมาก ดังนั้นไม่ใช่พรรคทหารอย่างที่ว่า ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่สมบูรณ์สมบูรณ์แบบ และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างต่อเนื่องและยืนยาวแน่นอน โดยไม่ใช่หลายฝ่ายที่ปรามาสว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา พรรคทหารเฉพาะกิจไม่ได้อยู่ยืนยาว พรรคพลังประชารัฐรัฐจะแตกต่างอย่างไร นายไพบูลย์
ระบุว่า ไม่เห็นพรรคพรรคไหนตั้งโดยคนอื่นคนอื่นที่ไม่มียศทหาร ก็ล้มหายตายจากไปเยอะแล้ว แต่ที่รู้ๆ พรรคพลังประชารัฐจะอยู่ต่อไป ก็เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ไป แต่ส่วนตัวเห็นแต่พรรคอื่นที่หายไปเรื่อยๆ แต่ พรรคพลังประชารัฐยังคงอยู่
ส่วน สส. ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะประชุม พิจารณาวาระการบริหารงานต่างๆ รวมถึงการบริหารงานในสภาสภาผู้แทนราษฎร ด้วยมี สส.40 คน โดยย้ำว่าการดำเนินการต่อไปของพรรคประชารัฐจะดำเนินโดยคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายพรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค โดยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการขับ สส. ที่โหวตสวนมติพรรคออก เพียงแต่บอกว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดอะไร

นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านหลังจากนี้จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลเดินหน้าต่อโดยไม่เกรงใจใคร ซึ่งทำงานการเมืองที่ผ่านมา ก็เป็นฝ่ายตรวจสอบ ดังนั้น การเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในการทำหน้าที่ตรวจสอบ ออกตัวว่าชอบมากเพราะเป็นงานถนัดตั้งแต่สมัยเป็น สว. และการตรวจสอบเป็นหน้าที่หลักของพรรคพลังประชารัฐไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน ซึ่งจะเห็นบทบาทการทำหน้าที่ตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น โดยตนเองก็ได้พูดไปหลายครั้งแล้วว่าจะตรวจสอบใคร

พร้อมกับเปิดเผยว่า พลเอก ประวิตร มีดำริที่จะเข้าสภาผู้แทนราษฎรในเวลาที่สะดวก แต่เรื่องนี้ให้รอต่อไป โดยก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ เคยแถลงเรื่องของการตรวจสอบการทำหน้าที่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี


กำลังโหลดความคิดเห็น