“สมศักดิ์” ประกาศความสำเร็จ “โครงการพาหมอไปหาประชาชน” สนองพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข “ในหลวง ร.10” ชาวบ้านปลื้มช่วยลดรายจ่ายกว่า 1,373 ล้านบาท พร้อมลุยต่อเฟส 2 ทันที
เมื่อเวลา 08.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส กานย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมกันถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567และกิจกรรม “กระทรวงสาธารณสุขรวมใจ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นดั่งศูนย์รวม จิตใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ห่วงใยพสกนิกร ประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับโอกาส เข้าถึงบริการด้านการรักษา จากหน่วยแพทย์เฉพาะทางจิตอาสา การจัดโครงการ "พาหมอไปหาประชาชน" เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำทีมแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์จิตอาสาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไปให้บริการตรวจสุขภาพ และรักษาพยาบาล แก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้แก่พสกนิกรของพระองค์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนบุคลากร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว รวมทั้งสิ้น 100 ครั้ง ครอบคลุม 77 จังหวัด สามารถตรวจคัดกรองให้กับประชาชน จำนวน 1.8 ล้านคน ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน จำนวน 1,373 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรม “สาธารณสุขรวมใจ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” วันนี้ เป็นการร่วมกันแสดงออก ถึงความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ พระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่องานสาธารณสุข ที่พระองค์ท่าน ทรงห่วงใย ถึงสุขภาพพลานามัยของประชาชน ขอขอบคุณ บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับและหน่วยงานเครือข่าย ทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนโครงการฯ จนเกิดประโยชน์ต่อประชาชน กระทรวงสาธารณสุข จะมุ่งมั่นขับเคลื่อน นโยบายด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ที่เป็นประโยชน์ ต่อคุณภาพชีวิตประชาชน มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุด คือ “สุขภาพคนไทย เพื่อสุขภาพประเทศไทย”
จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการพาหมอไปหาประชาชน เริ่มโครงการไปตั้งแต่ 14 ม.ค.67 และครบ 100 ครั้ง ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ จึงได้มาแถลงขอบคุณจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรม ที่ไม่ได้คิดค่าใช้จ่าย เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ และกิจกรรมครั้งนี้มีความสำเร็จอย่างมาก จึงได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงและลงความเห็นกันว่าจะดำเนินโครงการต่อในเฟสที่ 2 อีก ส่วนรายละเอียดอย่างไรขอเวลาอีกนิดหนึ่งเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งในเฟส 2 จะมุ่งเน้นโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อ ซึ่งหน่วยราชการได้ตระเตรียมไว้แล้ว คาดว่าใช้งบประมาณไม่มาก
เมื่อถามว่าจะมีการมอบหมายงานให้ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกัน เมื่อถามว่านโยบายการผลิตแพทย์ให้ รพ.สต.จะมีการสานต่องานรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขคนเดิมหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประชุมกัน โดยงบประมาณปี 68 คาดว่าจะเริ่มได้ 300 คน ในเฟสแรก และปีต่อไปก็จะเพิ่มขึ้น โดยเป็นโครงการ 10 ปี คาดว่าจะมีปีละ 1,000 คน ครบ 10 ปี 1 หมื่นคน ได้หารือกับมหาวิทยาลัย 27 แห่ง
เมื่อถามถึงความคืบร่างกฎหมายที่กระทรวงกำลังขับเคลื่อนทั้งร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงและร่างพ.ร.บ.อสม.นายสมศักดิ์กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงอยู่ที่คณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งกำลังพิจารณาว่าเมื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องนำไปรับรองใหม่หรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่มีอุปสรรคปัญหา ซึ่งร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฯ จะเร็วกว่าร่างพ.ร.บ.อสม.เพราะอสม.เกี่ยวพันกับหน่วยงานอื่นด้วย ขณะที่ร่างพ.ร.บ.อสม.ในส่วนของพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยเสนอเข้าสภาไปแล้ว ยอมรับว่าร่างพ.ร.บ.ข้าราชการกระทรวงต้องเร่งขับเคลื่อนเนื่องจาก ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขมีจำนวนมาก แต่ตำแหน่งมีน้อย และต้องดูเรื่องรายได้ที่เหมาะสมด้วย ส่วนข้อเสนอให้มีผู้บริหารมืออาชีพเข้าไปบริหารโรงพยาบาลแทนแพทย์นั้น ตนมั่นใจว่าไม่มีใครเก่งกว่าแพทย์ เริ่มตั้งแต่เรียนหนังสือคนเก่งจะเรียนแพทย์ ฉะนั้นถ้ามาจับด้านบริหารหรือด้านใดก็เก่งทั้งนั้น ส่วนที่บอกว่าเงินไม่พอนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ใช่ปัญหา