ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “เทพเทือก” เลือกให้!? "ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" จาก กปปส.ถึงรัฐมนตรีรัฐบาลตระกูลชิน "ไม่ได้ลืม ไม่ได้ลบ แต่เราเลือก!"
โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีรัฐบาล "อุ๊งอิ๊ง1" แพทองธาร ชินวัตร เป็นไปตามคาด
โฟกัสที่พรรคร่วม ทั้งก่อนและหลังรายชื่อจะคอนเฟิร์ม พรรคที่โดนอ่วมๆ นอกจาก"ประชาธิปัตย์" ก็เห็นจะเป็น "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “ลุงตู่” และ “ลุงกำนัน”
“เอกนัฎ” รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง นั่งว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โควตาเดิม แทนที่ "พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล"
ประเด็นที่"เอกนัฎ" โดนจุกๆเป็นเรื่อง "ศักดิ์ศรี" ของคน แม้แต่ชาวนกหวีด มวลมหาประชาชน กกปส. เองก็รับไม่ได้
ใครจะคิดว่าคนเคยเป็น เลขาธิการ กปปส.ไล่รัฐบาล "ปู" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่กลับมาร่วมรัฐบาลตระกูลชิน-แพทองธาร ลืมศักดิ์ศรี ลืมที่ร่วมต่อสู้ มิพักต้องพูดถึงจิตใจของญาติๆ มวลมหาประชาชน ผู้สูญเสียจากการชุมนุม
“เอกนัฏ” หลังได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.อุตสาหกรรม ได้จังหวะพูดแบบหล่อๆ ถึงเสียงวิจารณ์ว่า
"วันนี้เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน"
ตัวเองในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุด เพื่อเป็นทางออกของประเทศที่ดีที่สุด บางทีอาจเป็นทางออกทางเดียว
ส่วนประเด็น "หักอุดมการณ์" เอกนัฏ ระบุว่า ตัวเองยืนอยู่ในอาชีพนี้ การตัดสินใจจะทำอะไรต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลานี้ ภัยคุกคามและความท้าทายของประเทศมันเปลี่ยนไป
มีคำถาม จากเคยชุมนุมไล่ “ยิ่งลักษณ์” แต่ตอนนี้มาร่วมกับ “แพทองธาร” ลูกสาวของทักษิณ ชินวัตร แล้วเอกนัฏ ทำงานได้สนิทใจหรือ ? อดีตแกนนำ กปปส.ตอบว่า... "ก็ต้องทำล่ะครับ วันนี้ขอให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก มันก็สามารถทำงานด้วยกันได้ เราไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก”
ขีดเส้นใต้ประโยค "ไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก" ก็ต้องบอกว่า “ขิง-เอกนัฏ” วันนี้เป็นนักการเมืองเต็มตัว ไม่ใช่ "พระเอก" ของมวลมหาประชาชนในวันนั้น
เหมือนนักการเมืองที่ประดิษฐ์วลีโวหารขึ้นแก้ต่างแบบหล่อๆ แต่สำหรับกับมวลมหาประชาชน จะยินยอมเชื่อหรือไม่ !? ก็ต้องถามใจกันดู
ที่แน่ๆ ไม่ต้องถามก็คือเบื้องหลัง ดีล "โนสน โนแคร์ " ผลักดัน “เอกนัฏ” ขึ้นชั้นรัฐมนตรีนี้ย่อมต้องเป็น "เทพเทือก" สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะสายสัมพันธ์ระหว่าง "บิดาและบุตร" และตัวแสดงเป็น "ลุงกำนัน" ของมวลมหาประชาชน ที่เชื่อมไปถึง “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก็รู้ดีเป็นพรรคสืบทอดอำนาจของทหาร สนับสนุน “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ถึงรัฐบาลเพื่อไทย หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ฉันใด ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า "เทพเทือก" ใช้ความเจนจัดทางการเมืองให้เป็นคุณกับตัวเอง และพวกพ้อง เลือกที่จะอยู่กับทหาร เลือกที่จะดีลกับพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมแบ่งปันอำนาจรัฐบาล
แกนนำกปปส. หลายต่อหลายคน จึงได้อวยยศเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลลุงก็หลายคน จนมาถึง "เอกนัฏ" ลูกรักรายล่าสุด
เพราะฉะนั้น "ไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก" เอกนัฏ อาจจะพูดไม่หมด ที่ว่า "เราเลือก" นั่นเป็น "เทพเทือก" เลือกให้ !?
** “เดชอิศม์” ขึ้นรัฐนาวาสำเร็จ เตรียมเช็กบิล “มาดามเดียร์”
ในที่สุด“เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รมช.สาธารณสุข ขึ้นเรือ ขึ้นแพ สำเร็จ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าว “เดชอิศม์” ติดโผเป็นหนึ่งในว่าที่รัฐมนตรี “สีเทา” ที่ล่อแหลมในเรื่องคุณสมบัติ ด้านจริยธรรมมาตลอด
โดยเฉพาะ 3 ประเด็นหลัก ที่สื่อมวลชนค่ายหนึ่ง นำมาตีแผ่ ได้แก่ กรณีที่มีภาพถ่ายคู่กับ "โทนี่ เตียว" ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และทำธุรกิจผิดกฎหมายทั้งในประเทศจีน และมาเลเซีย กรณีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ และ คดีเก่าที่ดีเอสไอ กล่าวหาว่ามีความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง
หลังจาก “เดชอิศม์” ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.สาธารณสุข ก็แถลงข่าวโต้สื่อมวลชนค่ายดังกล่าว ช็อตต่อช็อต เริ่มจากกรณี “โทนี่ เตียว” อ้างว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่มาจากมาเลเซีย ลงทุนทำธุรกิจที่ จ.สงขลา กว่าพันล้านบาท ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ก็ไปอำนวยความสะดวก ตนในฐานะคนสงขลา จึงมีหน้าที่อำนวยความสะดวก แต่ต้องทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทำผิดกฎหมายไทย
“เดชอิศม์” ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้จักกับ“โทนี่ เตียว” เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ต่อมา “โทนี่ เตียว” ได้อุปสมบท ในฐานะคนรู้จักกัน จึงไปช่วยอำนวยความสะดวก แต่เมื่อทราบว่า “โทนี่ เตียว” ทำผิดกฎหมายที่ประเทศจีน วันนี้จึงถูกจับ แล้วส่งตัวไปจีน ถ้าทำผิดกฎหมายไทย ไทยจะส่งตัวไปจีนไม่ได้ ต้องรับโทษในประเทศไทยก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย
ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า “ค้าน้ำมันเถื่อน” ขอชี้แจงว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดเลย จึงสงสัยว่าเรื่องของตนไปปรากฏที่ป.ป.ช. ได้อย่างไร เพราะผู้ต้องหาถูกสั่งฟ้องไปหมดแล้ว แต่ชื่อของตนอาจปรากฏในกลุ่มไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา จึงส่งรายชื่อทั้งหมด ไปตรวจสอบเท่านั้น
สำหรับ เรื่อง “อั้งยี่ ซ่องโจร” นั้น ยืนยันว่าไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ ทั้งชีวิต ไม่ว่าคดีฆ่าคนตาย หรือค้ายาเสพติด ถ้ามีคดีในลักษณะนี้ จะต้องมีหมายเรียกหรือหมายจับ ต้องเข้ารายงานตัว และพิมพ์ลายนิ้วมือ ย้ำว่าไม่มีเรื่องนี้ มีเพียงคดีเดียวคือ คดีเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่ “นวพล บุญญามณี” ฟ้องตน และสุดท้ายศาลยกฟ้อง
ระหว่างการแถลงข่าว “เดชอิศม์” โชว์วีดีโอคลิป ของเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ในเครือสื่อมวลชนค่ายหนึ่ง แบบประเด็นต่อประเด็น และตอบโต้อย่างดุเดือด
“เดชอิศม์” กล่าวว่า จริยธรรมของนักการเมืองสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน ผู้ที่ค้ายาเสพติด คือคนที่ชั่วช้าสามานย์ แต่ถ้าถูกคนใดคนหนึ่ง หรือสื่อสำนักหนึ่งทำให้เข้าใจว่าค้ายา คนพวกนี้เลวร้ายกว่าคนค้ายา เพราะทำร้ายสังคม โดยเชื่อว่ามีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะจ้องมาที่ตนเอง และ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพิเศษ
“ผมสงสารนักข่าวบางคน เพราะบางทีเขาไม่ใช่คนชั่ว แต่เขาชั่วโดยถูกเจ้านายสั่ง แต่บางคน ก็ชั่วโดยสันดานก็มี แต่ถ้าเขาไม่มีเจตนาชั่วจริงๆ ก็ไม่อยากฟ้องอะไร”
อย่างไรก็ตาม หากลำดับเรื่องราวย้อนไปในช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ได้มีคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่าย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” มีท่าทีไม่พอใจ "สมาชิกพรรค" รายหนึ่ง ซึ่งอีกสถานะหนึ่งมี "คู่สมรส" เป็นผู้บริหารค่ายสื่อดังกล่าว หลังแสดงท่าที ไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์ จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
โดยระบุว่า “สมาชิกพรรค” คนดังกล่าวให้สัมภาษณ์ วิพากษ์วิจารณ์พรรคอย่างรุนแรงว่า คณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันเลือกที่จะละทิ้งอุดมการณ์ เพื่อที่จะเข้าไปสู่ประโยชน์ และอำนาจของตัวเอง โดยไม่นึกถึงประชาชน 9 แสนเสียง ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ...พร้อมตั้งคำถามว่า พรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือก้าวข้ามหัวประชาชน !?
จากถ้อยคำที่มีการระบุถึง “สมาชิกพรรคและคู่สมรสที่เป็นผู้บริหารสื่อ” นั้น คงหนีไม่พ้น “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กับ “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหารสื่อค่ายใหญ่ย่านบางนา
เพราะเนื้อความ ถ้อยคำ ที่ยกมานั้น เป็นการให้สัมภาษณ์ของ“มาดามเดียร์” หลังคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ก็ต้องติดตามกันว่า หลังจากนี้ “เดชอิศม์” จะเปิดฉากฟ้องร้องกับผู้ที่ทำให้ตนเองเสียหาย หรือไม่ ...
แต่ที่แน่ๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้เพิ่มคู่ขัดแย้งขึ้นมาอีกคู่หนึ่งแล้ว !!