xs
xsm
sm
md
lg

สป.มท.จับมือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมันดันโครงการ 'GIZ 'ในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มท.ร่วมลงนาม MOU องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน ผลักดัน โครงการพัฒนาเมืองแบบองค์รวมเพื่อส่งเสริมการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำและการเป็นเมืองที่ฟื้นตัวได้ ในไทย

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (สป.มท.) และ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองแบบองค์รวมเพื่อส่งเสริมการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำและการเป็นเมืองที่ฟื้นตัวได้ (Urban-Act: Integrated Urban Climate Action for Low-Carbon & Resilient Cities)” ในประเทศไทย

ทั้งนี้โครงการUrban-Act เป็นโครงการในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศหลากหลายระดับ ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากแผนงานปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับสากล (IKI) โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMWK) มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2565 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2570 เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาเมืองแบบคาร์บอนต่ำและฟื้นตัวได้ รวมทั้งมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับชาติ (NDCs) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ดำเนินการใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย สำหรับหน่วยงานดำเนินงานระดับภูมิภาค ประกอบด้วย GIZ ESCAP UCLG ASPAC มหาวิทยาลัยชตุทการ์ท และมหาวิทยาลัยดอร์ทมุนท์ ประเทศเยอรมนี ตลอดจนหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการฯ ในแต่ละประเทศพันธมิตรทั้ง 5 ประเทศ โดยมีสป.มท. เป็นหน่วยงานร่วมดำเนินงานหลักในไทย


นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดมหาดไทย กล่าวปาฐกถาเปิดงาน เน้นย้ำว่าไทยเป็นหนึ่งประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเมืองและขับเคลื่อนความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและตั้งรับปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับกรอบการดำเนินงาน SDG 9, 11 และ 13

“วันนี้ที่สำคัญที่สุดGIZได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและเริ่มโครงการเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน เพื่อพัฒนาเมืองแบบองค์รวม ส่งเสริมการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำและการเป็นเมืองที่ฟื้นตัวได้ ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยพร้อมขานรับและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อการแก้ปัญหาแบบบูรณาการและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาคเมืองและความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ดังนั้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเมืองให้มีการพัฒนาที่รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานร่วมกันในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และจะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเมืองระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง” นายชำนาญวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้านนายโยฮันเนส แคร์เนอร์ ที่ปรึกษาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้เน้นย้ำว่าเมืองต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงเมืองไปสู่ความยั่งยืนและใส่ใจต่อสภาพภูมิอากาศ สามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และลดผลกระทบให้กับชุมชนที่มีรายได้น้อยได้ ดังนั้น เราต้องการเมืองที่มีความกระตือรือร้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน แต่การบรรลุเป้าหมายนั้น เมืองต่างๆ ไม่สามารถที่จะแยกกันดำเนินการได้โดยลำพัง โดยเราได้ตระหนักและให้ความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลในทุกระดับเพื่อบรรลุเป้าหมายระดับโลก ดังนั้น เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้ริเริ่มและผู้สนับสนุนโครงการ Urban-Act ในภูมิภาค ผ่านแผนงานปกป้องสภาพภูมิอากาศระดับสากล (IKI)


ขณะที่นายไฮน์ริช กูเดนุส ผอ.โครงการพัฒนาเมืองแบบองค์รวมเพื่อส่งเสริมการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำและการเป็นเมืองที่ฟื้นตัวได้ กล่าวว่า โครงการฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับสป.มท.และเราตระหนักดีว่ามหาดไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ด้วยมีพันธกิจ และอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศครอบคลุมทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น การแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการแนวดิ่ง และการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศหลายระดับ ซึ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ด้วยโครงการ Urban-Act มุ่งเน้นการสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในเมืองในระดับชาติ และสนับสนุนให้มีการบูรณาการประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ากับการพัฒนาเมืองในระดับท้องถิ่น โดยมีเชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่นเป็นพื้นที่นำร่อง


“นอกจากนี้ เรายังดำเนินงานแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (IMT – GT) ในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ และเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเชิงพื้นที่เขตเมืองที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ และการระบุแนวคิดโครงการที่เป็นรูปธรรมและมีความเป็นไปได้เพื่อเพิ่มโอกาสการรับเงินทุนและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ โดยเรามีความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับทีมวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการดำเนินงานกับหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการ ความร่วมมือและการทำงานร่วมกันคือหัวใจในการดำเนินงานของโครงการฯ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความมุ่งมั่นของเราในการจัดหาองค์ความรู้และเทคนิคเชิงลึกที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะต่างเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินงานเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาที่ท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” นายไฮน์ริช กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ภายในงานยังมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลิกโฉมเมืองไทย สู่เมืองคาร์บอนต่ำ และพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Transforming Thai urbanisation to Low – carbon and Climate resilient Development)” และการเสวนาเรื่อง “มุมมองการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน ในระดับภูมิภาค (Sustainable urban development from global perspective to local action)” โดย ESCAP และ UCLG ASPAC


“นอกจากนี้ เรายังดำเนินงานแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (IMT – GT) ในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ และเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเชิงพื้นที่เขตเมืองที่คำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ และการระบุแนวคิดโครงการที่เป็นรูปธรรมและมีความเป็นไปได้เพื่อเพิ่มโอกาสการรับเงินทุนและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ โดยเรามีความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับทีมวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการดำเนินงานกับหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการ ความร่วมมือและการทำงานร่วมกันคือหัวใจในการดำเนินงานของโครงการฯ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความมุ่งมั่นของเราในการจัดหาองค์ความรู้และเทคนิคเชิงลึกที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะต่างเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินงานเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาที่ท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” นายไฮน์ริช กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ภายในงานยังมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลิกโฉมเมืองไทย สู่เมืองคาร์บอนต่ำ และพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Transforming Thai urbanisation to Low – carbon and Climate resilient Development)” และการเสวนาเรื่อง “มุมมองการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน ในระดับภูมิภาค (Sustainable urban development from global perspective to local action)” โดย ESCAP และ UCLG ASPAC


กำลังโหลดความคิดเห็น