“สมศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมผู้บริหาร สธ. ขอบคุณ บิ๊ก สธ. เกษียณ 8 คน พร้อมติดตามร่างกฎหมายสำคัญ สั่งทำไทม์ไลน์ให้ชัดเจน เผย แผนเพิ่มผู้ช่วยพยาบาล อัพเกรดจากผู้ช่วยเหลือคนไข้ ยัน ปมงบบัตรทอง ไม่มีปัญหา ขออย่าพูดเรื่องไอเดียร่วมจ่าย ชี้ เอามาพูดเล่นไม่ได้
วันที่ 4 กันยายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุม ที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยก่อนเริ่มการประชุมได้มีการแสดงมุทิตาจิตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 8 คน เช่น อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมอนามัย และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนขอใช้โอกาสนี้แสดงมุทิตาจิต และกล่าวขอบคุณผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 8 คน ในนามของกระทรวงสาธารณสุข ตนขอขอบคุณทุกท่าน ที่ได้ปฏิบัติภารกิจตามตำแหน่งหน้าที่ ได้สร้างคุณูปการต่อหน่วยงาน ต่อประชาชน และต่อสังคมประเทศชาติด้วยดีตลอดมา จนครบวาระเกษียณอายุราชการในปีนี้ โดยผลงานและคุณประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุขนั้นจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป ซึ่งตนถือว่า ผู้ที่เกษียณ เป็นขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ เป็นขุมทรัพย์แห่งประสบการณ์ ดังนั้น หากออกไปยืนข้างนอกแล้ว ก็ขอให้ช่วยแนะนำผู้ที่ทำงานต่อไปด้วย
นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานความคืบหน้าร่างกฎหมายที่สำคัญ ทั้งร่าง พ.ร.บ.อสม. ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข และร่าง พ.ร.บ.สุขภาพจิต โดยร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ตนได้ลงนามเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อส่งเรื่องให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อส่งเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซึ่งเรื่องร่างกฎหมาย ตนได้เน้นย้ำให้ระบุวันเวลาไทม์ไลน์ให้ชัดเจน จะได้ติดตามสถานะได้ถูก เพราะกฎหมายถือเป็นเครื่องมือการทำงาน ถ้าไม่มีกฎหมาย การทำงานก็ลำบาก
“ที่ประชุมยังได้มีการรายงาน แผนการผลิตผู้ช่วยพยาบาล โดยจะรับผู้เรียนในพื้นที่ 60 คน/จังหวัด ค่าเรียน 50,000 บาทต่อคน รวมถึงจะอัพเกรดผู้ช่วยเหลือคนไข้ ที่มีคุณสมบัติ เช่น วุฒิการศึกษา ม.6 ให้เป็นผู้ช่วยพยาบาล โดยให้เรียนต่ออีก 1 ปี ซึ่งจะเป็นการให้เจ้าหน้าที่เก่ามาอัพเกรดก่อน เพราะอยากพัฒนาคนของเราขึ้นมา แต่ผมก็ขอให้ทุกหน่วยงาน คิดนอกกรอบด้วยการให้เอกชนเปิดสอนเพิ่ม จะได้ไม่ขาดแคลน แต่เรื่องนี้ ก็ต้องฟังความเห็นของสภาการพยาบาลด้วยว่าจะเห็นด้วยหรือไม่” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีงบประมาณบัตรทอง 30 บาทว่า เรื่องงบประมาณบัตรทอง ได้มีการประชุม โดยตนได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องคำนวนตัวเลขให้ชัดเจน พบว่า การรักษาผู้ป่วยในแต่ละโรค มีการคิดค่ารักษาหน่วยวัดเป็น 1 หน่วยค่ารักษา ซึ่งบางโรค 1 หน่วยค่ารักษา หรือ บางโรค แค่ครึ่งหน่วยค่ารักษา โดย 1 หน่วยค่ารักษา ที่คิดเงินให้คือ 8,350 บาท ซึ่งตนคิดคำนวนใหม่ จำนวนหน่วยค่ารักษาของคนป่วยปีนี้ ประมาณ 9 ล้านหน่วยค่ารักษา ถ้าเฉลี่ยจะได้ 8,156 บาท โดยลดลงประมาณ 190 กว่าบาท ดังนั้น ตนขอยืนยันว่า เรื่องเงินขาด อย่าไปห่วง เพราะไม่ใช่สาระที่จะวิพากษ์วิจารณ์กัน โดยถ้าคิดคณิตศาสตร์ทั้งหมดแล้ว ก็จะพบว่า ไม่น่าห่วง
เมื่อถามถึงเรื่องร่วมจ่ายไอเดียนี้จะรับหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องร่วมจ่ายขออย่าเพิ่งพูดตอนนี้ เพราะเป็นเรื่องใหม่ โดยอันนี้เป็นการเปลี่ยนนโยบายรุนแรง ตนคิดว่า เอามาพูดเล่นไม่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่ยุครัฐบาลชินวัตร คงไม่มีใครกล้าทำนโยบาย 30 บาท นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตระกูลชินวัตร ต้องช่วยประชาชนเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้น จะมาบอกเป็นร่วมจ่าย ตนมองว่า คงไม่คิด
เมื่อถามถึงแผนการผลิตผู้ช่วยพยาบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะมีการเพิ่มประมาณ 60 คนต่อจังหวัด และมีการอัพเกรดจากผู้ช่วยเหลือคนไข้ เป็น ผู้ช่วยพยาบาล โดยผู้ช่วยเหลือคนไข้ไหนมีคุณสมบัติ เป็นผู้ช่วยพยาบาลได้ ก็จะให้เรียนต่ออีก 1 ปี เพื่ออัพเกรด รวมถึงจะมีการรับผู้ช่วยเหลือคนไข้เข้ามาใหม่ด้วย ซึ่งในที่ประชุมยังได้มีการถกเถียงกันว่า ถ้าเราเปิดให้เอกชนสอนเพิ่ม จะได้หรือไม่ โดยเรื่องนี้ต้องถามสภาการพยาบาลก่อน ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ขอยืนยันว่า เราจะปล่อยให้บุคลากรขาดแคลนแบบนี้ไม่ดี