xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “ดีดา” ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่ รมช.มหาดไทย ป้ายแดง ** ฮัลโลลุงพลเอก! เสียงจาก“ผู้กอง” ยันไม่ใช่ฝ่ายค้าน และไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ รู้จัก “ดีดา” ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่ รมช.มหาดไทย ป้ายแดง

พลันที่มีข่าวว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ขอถอนชื่อออกจากการร่วม “ครม.แพทองธาร 1” แล้วส่งชื่อ “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ลูกสาว ไปเป็น รมช.มหาดไทย แทนนั้น ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก

ความจริง “ชาดา ไทยเศรษฐ์” มีชื่อติดโผมาตลอดว่าเป็นรัฐมนตรี “สายล่อฟ้า” ในครม.ชุดใหม่ ที่กำลังทำคลอดอยู่ในขณะนี้
หากย้อนไปดูประวัติของ “ชาดา” ที่อาจทำให้มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติด้าน “มาตรฐานจริยธรรม” ก็พบว่า เขาเคยถูกจับกุม เมื่อปี 2546 ในข้อหาจ้างวานฆ่า “สมเกียรติ จันทร์หิรัญ” เลขานุการของ “ประแสง มงคลศิริ” สส.พรรคไทยรักไทย สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้องในปี 2548

อีกคดี เขาถูกจับกุมในปี 2545 ข้อหาจ้างวานฆ่า “นิตยา เททายบันลือ” ผู้จัดการบัญชีของบริษัทรับเหมา ซึ่งศาลชั้นต้น ยกฟ้องในปี 2548 เช่นกัน

ที่เป็นข่าวฮือฮา เมื่อปี 2560 “ชาดา” โดนกองปราบ นำทัพสกัดจับ ระหว่างไปร่วมงานศพ ที่วัดหลุมเข้า ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี ค้นรถ 8 คันในขบวน พบ อาวุธปืน 6 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน และยาอี แต่สุดท้ายแล้วผู้ครอบครองคือ "ลูกน้อง-คนสนิท" โดยหนึ่งในนั้นมี “อนันต์ ปาทาน” หรือ “ชาเดฟ” ที่ปัจจุบันเป็นลูกเขย ของชาดา

แม้ “ชาดา”จะเคยต้องคดี แต่เมื่อถึงชั้นศาลก็ยกฟ้อง จึงถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกกับผู้สื่อข่าวอยู่ตลอดว่า เขาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ในการเป็นรัฐมนตรี

แต่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด ในคดีถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้บรรยายไว้ละเอียดยิบถึงเรื่อง “มาตรฐานทางจริยธรรม” ที่นอกจากความถูก ผิด ส่วนตัวแล้ว ยังครอบคลุมไปถึง วิถีชีวิต “การคบหา” กับบุคคลด้วย
ยิ่งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งสกรีนเข้มกับปัญหาเหล่านี้ จึงทำให้ “ชาดา” ยอมถอนตัวจากตำแหน่ง
รมช.มหาดไทย แล้วส่งชื่อ “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ลูกสาว ไปเป็นแทน ในนาทีสุดท้ายก่อนที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีจะลงนาม ก่อนนำรายชื่อครม.ชุกใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ

สำหรับ “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ หรือ “ดีดา” เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2527 ปัจจุบัน อายุ 39 ปี 11 เดือน เป็นลูกสาวคนที่ 2 ของชาดา ไทยเศรษฐ์ กับ นางเตือนจิตรา แสงไกร อดีตนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี มีพี่น้องรวม 3 คน ได้แก่ ปานัดฌา ไทยเศรษฐ์ พี่สาวคนโต และ อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์ น้องสาวคนเล็ก


“ดีดา” จบปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จบปริญาโท นิติศาสตร์บัณฑิต ที่ ลอนดอน

ในส่วนของการทำงานการเมืองนั้น นางสาวซาบีดา ทำงานใกล้ชิดกับนายชาดา ผู้เป็นพ่อมาตลอดทั้งในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง และการดูแลประชาชนในพื้นที่ เมื่อ “ชาดา”มาเป็น รมช.มหาดไทย เธอก็เป็นหนึ่งในคณะทำงาน รมช.มหาดไทย
เรียกได้ว่า มีการเรียนรู้งานการเมืองมาพอสมควร

“ดีดา” ซาบีดา แต่งงานกับ "ชาเดฟ” อนันต์ ปาทาน เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2565 โดยจัดงานฉลองวิวาห์อย่างอลังการที่ โรงแรมบันยันทรี เกาะสมุย โดยมี นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธี

ว่ากันว่างานนี้คึกคัก กล่าวขานกันไปทั้งเกาะ เจ้าภาพจองโรงแรมหรูบนเกาะสมุยทั้งโรงแรม ร่วม 500 ห้อง รวม 4 คืน เพื่อต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ที่มีทั้งภาคธุรกิจ และนักการเมือง

นอกจากทำงานการเมืองอยู่เคียงข้างพ่อแล้ว ในแวดวงธุรกิจ “ซาบีดา” กับคู่สมรส เคยร่วมกันเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจอย่าง หจก.ชฎาอุทัยธานีทัวร์ ประกอบกิจการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถโดยสารประจำทาง

การที่ “ชาดา”ส่ง “ซาบีดา” มาเป็นรมช.มหาดไทย ครั้งนี้ ก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า เขาดำเนินรอยตาม “ทักษิณ ชินวัตร” คือตัวเองเป็นไม่ได้ ก็ส่งลูกสาวมาเป็นแทน




++ ฮัลโลลุงพลเอก! เสียงจาก“ผู้กอง” ยันไม่ใช่ฝ่ายค้าน และไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจ

“ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐน่าจะอยากหยุมหัวตัวเองขึ้นมาพลัน เมื่อความเป็นจริงของพรรคที่ตัวเองเป็นหัวหน้าอยู่ในสภาพกล้ำกลืน ฝืนเต็มทน

ยิ่งได้ยิน “ผู้กอง” ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า ตัวเองไม่ใช่ฝ่ายค้าน ยังคงเป็นฝั่งพรรครัฐบาลพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และทำงานสนับสนุนรัฐบาล ยิ่งตอกย้ำว่า ลุงเหมาะจะไปเลี้ยงหลานมากกว่ามาคุมพรรคการเมือง

พูดง่ายๆว่า สถานะของผู้กองและกลุ่ม เวลาอยู่ในสภาฯ จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนสถานะในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ทราบว่าอยู่ในสถานะไหน!

“ร.อ.ธรรมนัส” ที่เคยทำหน้าที่เลขาธิการพรรค ตอนนี้ประกาศไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคแล้ว

รวมถึงโผ “ครม.อุ๊งอิ๊ง1” ภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อ “อัครา พรหมเผ่า” จ่อนั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้เป็นน้องชาย รวมทั้ง “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และ “อิทธิ ศิริลัทธยากร” ตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนส่งชื่อให้พรรคเพื่อไทย

งานนี้ขอเคลียร์ว่าไม่ใช่โควตา เพราะเป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี ที่จะเลือกใคร อีกทั้ง “อัครา พรหมเผ่า” เป็นนักการเมือง ที่อยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน และ เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ส่วน “อาจารย์แหม่ม” นฤมล และ “อิทธิ” ส่งในนามพรรคกล้าธรรม

ขณะที่ประเด็นความขัดแย้งกับ “พลเอกประวิตร”นั้น ผู้กองก็ยืนยันวา จะไม่มีการเคลียร์ใจกับลุงป้อม เพราะไม่ได้ทะเลาะกัน ส่วนใครจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องของเขา ตัวเองไม่คิดมาก เมื่อออกมาแล้วก็ออกมาเลย

เมื่อผู้กองส่งเสียงชัดๆ ไปถึงลุงแบบนี้ ตอนนี้จึงมีคำถามว่า แล้วอนาคตพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นอย่างไร ?

บ้างก็ว่า ใกล้ม้วยเข้าไปทุกที เหมือนบารมีของ “ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่เคยอยู่จุดสูงสุด ช่วงเป็น “พี่ใหญ่ 3 ป.” บัดนี้แม้แต่แสงตะเกียงริบหรี่ ยังมีเปล่งบารมีมากกว่า

บ้างก็ว่า “มันจบแล้วครับนาย” ตั้งแต่ พลเอกประวิตร แตกหักกับ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คีย์แมนคนสำคัญที่อยู่รับใช้มานานกว่า 6 ปี รวมถึงนโยบายเรื่องดิน เรื่องน้ำ กระทั่ง การออกเอกสาร ส.ป.ก.เป็นโฉนด ที่ “ลุงป้อม” มักเคลมว่า เป็นผลงานของตนเอง ก็ล้วนแต่เป็นนโยบายฝีมือของ ผู้กอง หาใช่ พลเอก

เมื่อขาดมือทำงานที่คาดหวังผลได้ ประสิทธิภาพของพรรคย่อมเป็นที่เข้าใจได้ ส่วนสมาชิกที่หลงเหลือเป็นขุนพลให้ลุงก็มีแค่ขุนพล 2 ประเภท คือ ขุนพลอยพยัก แล ขุนภักดีประสงค์แค่ทรัพย์

เรื่องจะขับเคลื่อนการเมืองเพื่อพรรค ลืมกันไปได้เลย มันน่าหยุมหัวตัวเองมั้ยล่ะลุง!


กำลังโหลดความคิดเห็น