เปิดคำร้อง “เรืองไกร” เตรียมยื่น กกต.สอบ “แพทองธาร” ปม “ทักษิณ” ครอบงำ ยกคำพูดเจ้าตัวมัด ไม่ครอบงำแต่ไม่ครอบครอง จ้อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ดแทน กระตุ้น ศก.
วันนี้ (3 ก.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือด้วยตนเอง เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี 2 เรื่อง คือ เรื่องการลาออกจากกรรมการ 20 บริษัท เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170(5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
1. เรื่องการปล่อยให้นายทักษิณ ครอบครองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160(4) (5) หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในวันดังกล่าว จะมีสำเนาเอกสารฉบับจริงของ 20 บริษัทๆ ละ 5 แผ่น รวม 100 หน้า ที่ขอมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาประกอบการยื่นต่อ กกต.ด้วย พร้อมทั้งชี้แจงและตอบคำถาม ต่อกรณีที่ทำให้บางคนไปเข้าใจผิดบิดเบือนคำร้องก่อนหน้านี้ และจะอธิบายเหตุผลในวันดังกล่าว ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
โดยเนื้อหาของคำร้องระบุว่า
2. เรื่อง ขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริด แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น มีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
เรียน ประธานกรรมการ กกต.
ข้าพเจ้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่อยู่ข้างต้น อดีตสมาชิกวุฒิสภา ขอให้ กกต. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อดนเอง หรือผู้อื่น มีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160(4) (5) หรือไม่ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ข่าวสด หัวข้อ ทักษิณ พูดชัดไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง เพราะเป็นลูกสาว ท้านักร้อง ร้องเลย ลงข่าวไว้ดังนี้เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ส.ค. 2567 ที่อาคารชินวัตร 3 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ด ระบุว่า ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมีแน่นอนและต้องทำอย่างเร็ว ข้าไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจกำลังไหลลง ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ดึงขึ้นมายากเท่านั้น
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า นายกฯ กำลังวางแผนกันอยู่ หลังจากทำงานได้แล้วคงสั่งการเลย โดยจำเป็นต้องอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งข้อดีของการแจกเงินสดคือเร็ว แต่ข้อเสียคือกลัวจะใช้ในสิ่งที่กระตุ้นเศรษฐกิจไม่เต็มที่
เมื่อถามว่า เศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่จะมาช่วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ช่วยให้คำแนะนำ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ กับรัฐมนตรี แต่ตนให้คำแนะนำได้
เมื่อถามว่า มีหลายคนมอง น.ส.แพทองธาร มือยังไม่ถึงจะเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ นายทักษิณ กล่าวว่า “ดีเอ็นเอเดียวกัน คิดว่าคงจะได้”
เมื่อถามย้ำว่า ต้องติวเข้มอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องช่วยกันคิด ไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียวคิด ทำงานต้องเป็นทีม ก็เป็นห่วงอยู่ โอลิมปีกประเทศไทยได้เหรียญแต่กีฬาเดี่ยว เล่นเป็นทีมไม่ได้สักเหรียญ
เมื่อถามว่า ปกตินายกฯ ต้องเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน น.ส.แพทองธาร รับบทบาทนั้น แต่ต้องมีคนช่วย ซึ่งน.ส.แพทองธารเน้นการทำงานเป็นทีมตลอด ในพรรคก็ทำงานเป็นทีม ก็จะเอาคนจากพรรคมาช่วยทำงานหลายคน
เมื่อถามว่า วันนี้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ มา 3 วันแล้ว หายตื่นเต้นหรือยัง นายทักษิณ กล่าวว่าต้องไปถามเจ้าตัว แต่ตนตื่นเต้นตลอด
เมื่อถามอีกว่า ด้วยบทบาทนายทักษิณ ปฏิเสธไม่ได้ที่จะถูกมองว่าครอบงำ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีครอบงำ มีแต่ครอบครอง เพราะเป็นลูกสาวของผม” เมื่อถามว่า กังวลว่าใครจะไปร้องหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “สบายๆ อยากจะร้องก็ร้องให้ดัง”
ข้อ 2. มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงต่าแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 8 และข้อ 17 กำหนดว่า”ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ” “ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง”
ข้อ 3. คำว่า “ไม่มีครอบงำ มีแต่ครอบครอง เพราะเป็นลูกสาวของผม” นั้นตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2852/2530 วินิจฉัยไว้ส่วนหนึ่งว่า “ตามพจนานกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 คำว่า ครอบครอง หมายถึง ยึดถือไว้มีสิทธิถือเอาเป็นเจ้าของมีสิทธิปกครอง”
ข้อ 4. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่ามาตรา 161 ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำ ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ข้อ 5. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของค่าที่เกี่ยวข้อง ไว้ดังนี้
ครอบครอง หมายถึง ยึดถือไว้ มีสิทธิปกครอง
ครอบงำ หมายถึง มีอำนาจเหนือ บังคับให้เป็นไปตาม
ควบคุม หมายถึง กวดขันให้เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้
ชี้นำ หมายถึง แนะหรือชักจูงไปในทางที่ตนต้องการ
ยินยอม หมายถึง ยอม ไม่ขัด ตกลง ชอบใจ ตาม
รู้เห็น หมายถึง รู้และเห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง
ข้อ 6. ดังนั้น ตามข้อเท็จจริงตามข่าวข้างต้น ซึ่งสาธารณะรับทราบกันทั่วไปเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจึงอยู่ในบังคับของมาตรฐานทางจริยธรรมฯ และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่มีการปฏิเสธกรณีดังกล่าว อีกทั้งนายทักษิณยังมีการท้าทายว่า อยากจะร้องก็ร้องให้ดังกรณี จึงมีเหตุอันควรร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธารชินวัดร) มีพฤติการณ์ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาครอบครอง ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ หากยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาครอบครองในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 วรรคหนึ่งหรือไม่ และเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ซึ่งถือว่ามีลักษณะร้ายแรง หรือไม่ และจะมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสินสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160(4) (5) หรือไม่
ข้อ 7. ทั้งนี้ ขอให้นำคำพิพากษาศาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ คมจ.2/256566ที่วินิจฉัยไว้ตอนหนึ่งว่า “…จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง ตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 8 … ทั้งการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบกระทบต่อภาพลักษณ์และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้คัดค้านที่ดำรงดำแหน่งรัฐมนตรี….เพราะอาจทำให้สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธาต่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี… จึงเป็นการก่อให้ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี…. ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 …”
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ว่า มีพฤติการณ์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น มีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ประกอบข้อ 17 หรือไม่ และจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160(4) (5) หรือไม่