xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” จวกกลุ่มต้าน “เขื่อนแก่งเสือเต้น” ใจแคบ จ้องเผาหุ่นตนทุกครั้งที่มีกระแส วอนเห็นใจคนสุโขทัยย้ายหนีกันหมดแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สมศักดิ์” ซัดกลุ่มต้าน “เขื่อนแก่งเสือเต้น” ใจแคบ คุยกันบ้าง หลังจ้องเผาหุ่นตนทุกครั้งที่มีกระแส จนไหม้ไม่รู้กี่รอบ วอนเห็นใจคนสุโขทัย ย้ายถิ่นฐานหนีหมดแล้ว เพราะสู้น้ำไม่ไหว แนะหาหน่วยงานกลาง หาข้อสรุป เสนอใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้า แบ่งรายได้ให้คนพื้นที่

วันนี้ (3 ก.ย.) นายสมศักดิ์ เทพ​สุ​ทิน รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเสนอสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ว่า พอพูดถึงเรื่องเขื่อนใหญ่ลุ่มน้ำยม เราไม่ควรจะมาวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของภาครัฐ แต่ควรหาผู้รู้มาตัดสิน ซึ่งตนได้บอกให้ สทนช.หาหน่วยงานกลาง เช่น ธนาคารโลก เพื่อวิเคาระห์​ ต้องดูว่า ต้นน้ำมีความเสียหาย เรื่องที่อยู่ที่กิน เช่น ในพื้นที่สะเอียบ จังหวัดแพร่ ก็จะมีความรุนแรง เพราะเขารักถิ่นฐาน และมีความรู้สึกว่าได้รับผลกระทบเสียหาย แต่ระหว่างลำน้ำยม คนที่เสียหายที่สุด คือ ภาครัฐ เพราะต้องออกมาชดเชย รวมถึงประชาชนที่เห็นใจคนถูกน้ำท่วมก็เข้าไปช่วยเหลือ ในเรื่องของอาหาร โดยเฉพาะจังหวัดสุโขทัย ได้รับการดูแลจากภาคประชาชนและจากภาครัฐเป็นจำนวนมาก จึงต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้าไปช่วยเหลือ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ต่อต้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น มาเผาหุ่นทุกครั้งที่มีกระแส มันใจแคบเกินไป ถ้าใจแคบแบบนี้ ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ควรให้เอาหน่วยงานกลางมาช่วยดู การที่ใครพูดอะไรไม่ได้เลย คนจังหวัดแพร่ คนจังหวัดสุโขทัย เขาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ตนอยู่สุโขทัยถูกล้อเลียนมาตลอด เรื่องเขื่อนเรียงหิน ครั้งนี้ตนก็ขอเขื่อนเรียงหิน ความยาว 9 พันเมตรในพื้นที่ 3 อำเภอ ที่ถูกกัดเซาะ ก็ต้องสร้างเขื่อนเรียงหินเพื่อสร้างกำแพง พร้อมย้ำว่า ทุกครั้งที่จะมีการพูดถึงเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้น ก็จะมีการเผาหุ่น ไม่รู้ว่าเผาจนผมไหม้กี่ครั้ง ใจแคบจริงๆ พูดคุยกันบ้าง

นายสมศักด์​ กล่าวด้วยว่า เขื่อนแก่งเสือเต้นมีความเหมาะสมในการผลิตไฟฟ้า เพราะมีความสูงถึง 60 กว่าเมตร ซึ่งเมื่อน้ำตกลงมา จะมีแรงที่จะสามารถผลิตกระไฟฟ้าได้มาก เมื่อนำไปขาย ก็สามารถแบ่งเงินให้คนในพื้นที่ได้ โดยให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็อาจจะเป็นแนวคิดใหม่ แม้จะได้รับความเสียหาย แต่ก็จะได้รับการชดเชยจากรายได้ตลอดชีวิต ดังนั้น ควรหันหน้ามาคุยกัน แต่เรื่องนี้ตนจะไม่ได้คุยเอง เพราะไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง แต่พูดในฐานะคนที่ได้รับผลกระทบ เพราะคนสุโขทัยที่ตนรู้จัก ในอำเภอศรีสำโรง และอำเภอเมือง ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว เพราะ “สู้น้ำไม่ไหว” เหลือแต่ตนที่ยังอยู่ เพราะตนเป็นนักการเมืองที่เกิดที่นั่น ย้ายไปไหนไม่ได้ คนอื่นย้ายไปเจริญเติบโต คนที่ได้เรียนหนังสือ มีหลักมีฐานแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่จังหวัดสุโขทัย เพราะหนีน้ำท่วมสู้ไม่ไหว


กำลังโหลดความคิดเห็น