ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "จับตา"เผือกร้อน" ในมือทบ. ทวงคืนบ้านพักสวัสดิการฯหลัง "ลุงหยุม" ยึดทำ "ป่ารอยต่อ" เป็นฐานการเมืองมานาน
น่าสนใจว่า กองทัพบกจะเคลื่อนไหวอย่างไร หลังจากมีเสียงเรียกร้องให้ "ทวงคืน" บ้านพักสวัสดิการของกองทัพบก ในพื้นที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่ง "ลุงหยุม" หรือ "ลุงป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยึดครองใช้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองมานาน
เรื่องนี้ถือเป็น"เผือกร้อน" ในมือของกองทัพบก ซึ่งอยู่ภายใต้ "บิ๊กต่อ" พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ก็กำลังจะเกษียณในเดือนนี้ และหากไม่ตัดสินใจ อาจจะส่งต่อไป "ลวกมือ" ผบ.ทบ.คนใหม่
ว่ากันว่า บรรดาเสธ.กองทัพบก เห็นพ้องต้องกันว่า ผู้นำกองทัพบกจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจทวงคืนพื้นที่จาก ลุงหยุม
เพราะ หากไม่ดำเนินการ เท่ากับกองทัพบกสนับสนุน “พลเอกประวิตร”ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ดำเนินกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ขัดต่อภาระหน้าที่ของกองทัพบกที่จะถูกสังคมครหาว่า กองทัพอยู่เบื้องหลัง
เรียกว่า เป็นไฟต์บังคับ! ปมการใช้บ้านพักสวัสดิการฯ เป็นที่ตั้งของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” หรือ “ป่ารอยต่อ” ของพลเอกประวิตร ถูกร้องเรียนมาหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาไม่มีการดำเนินการจากกองทัพบก เพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพลบารมีของ พลเอกประวิตร
ในข้อร้องเรียน และเอกสารหลักฐาน ระบุตั้งแต่ปี 2549 หลัง “พลเอกประวิตร”เกษียณ ได้ใช้พื้นที่บ้านพักสวัสดิการฯจัดตั้ง “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” หรือ“ป่ารอยต่อ” โดยมีวัตถุประสงค์สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และ สัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ทว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ลุงหยุม” ครองอำนาจรัฐ ได้สร้างบ้านป่ารอยต่อ เป็น "ฐานที่มั่นทางการเมือง" มีพยานบุคคล หลักฐานเป็นประจักษ์ ว่า "ลุงหยุม" ในฐานะ "เจ้าป่า" เวลานัดพบปะหารือ หรือประชุมนักการเมือง สส.ลูกพรรค หรือ กระทั่ง นายทุน นักธุรกิจ ก็ใช้บ้านพักสวัสดิการในพื้นที่กองทัพแห่งนี้ เป็นสถานที่รองรับ ซึ่งเจ้าตัวก็คุ้นเคยและคุ้นชินจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
“ลุงป้อม”โชว์อำนาจบารมีโดยลืมนึกไปว่า ข้อบังคับของมูลนิธิฯ ข้อ 2.7 “ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด”
ดังนี้แล้ว หากกองทัพบก โดยผบ.ทบ. หรือ รมว.กลาโหมคนใหม่ ถ้าไม่ทำอะไรเลย นอกจากกองทัพจะเสียหาย ถูกโยงเข้ากับการเมือง เผลอๆ เผือกร้อนลวกมือจะกลายเป็น "งานเข้า" จะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ
++ “มีชัย-วิษณุ” ช่วยสกรีนคุณสมบัติว่าที่ “ครม.อิ๊ง1” แต่ “อดีต สว.สมชาย” เช็กแล้วตอนนี้มี 11ว่าที่ รมต.สีเทา
วันก่อน “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บอกว่าโผ “ครม.อุ๊งอิ๊ง 1” นิ่งแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกว่า การตรวจสอบครั้งนี้ ได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ ที่มี “มีชัย ฤชุพันธุ์” อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ2560 รวมทั้ง “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกฯ ช่วยกันสกรีน และตอนนี้ได้ตอบกลับมายังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และน่าจะเสร็จเรียบร้อยในในสัปดาห์นี้
สำหรับ โผครม.ตามรายงานข่าวของสื่อ ระบุว่า พรรคเพื่อไทย มีรัฐมนตรี 17 คน แบ่งเป็น 9 รัฐมนตรีว่าการ และ 8 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ประกอบด้วย
“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.กลาโหม , “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ ควบรมว.คมนาคม “พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง, “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” และ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” เป็น รมช.คลัง, “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็น รมว.สาธารณสุข
“พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์, “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, “สรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา” , “ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ , “จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ , “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย , “สุรพงษ์ ปิยะโชติ” และ “มนพร เจริญศรี” เป็น รมช.คมนาคม , “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.วัฒนธรรม , “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ และ “อัครา พรหมเผ่า” น้องชาย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
พรรคภูมิใจไทย 8 เก้าอี้รัฐมนตรี มี 4 รัฐมนตรีว่าการ และ 4 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ทุกตำแหน่ง ยังคงเป็นรายชื่อเดิมจาก ครม.เศรษฐา ทวีสิน” ทั้งหมด
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 เก้าอี้ 5 ตำแหน่ง โดย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.พลังงาน, “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม , “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม และ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์
พรรคชาติไทยพัฒนา และประชาชาติ ยังคงตำแหน่งเดิมคือ “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม
สำหรับโควตาของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”มี 1 เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ และ 1 รัฐมนตรีช่วยกว่าการ คือ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์, “อิทธิ ศิริลัทธยากร” เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 2 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1 รัฐมนตรีว่าการฯ 1 รัฐมนตรีช่วยฯ โดย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” รมช.สาธารณสุข
การจัดครม.รอบนี้ กระแสโซเชียลฯไม่ได้วิพากวิจารณ์ตัวบุคคลเท่าไร เพราะยังไม่ชัวร์ว่า รายชื่อที่เห็นตามโผ สุดท้ายแล้วจะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่
แต่ชาวโซเชียลฯ โดยเฉพาะบรรดาสมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมใจกันจัดทัวร์ไปลงที่พรรคประชาธิปัตย์มากกว่า เมื่อพรรคได้นำข่าวเกี่ยวกับผลการลงมติพรรคเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล เผยแพร่ลงบนเพจเฟซบุ๊กทางการของพรรคประชาธิปัตย์
เพราะประชาธิปัตย์ เป็นคู่แค้นทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย มากว่า 20 ปี แต่ตอนนี้ เพื่อต้องการแก้ปัญหา“ปากท้องของคนในพรรค” จึงยอมละทิ้ง “สปิริต” หันไปจับมือกับเพื่อไทย โดยอ้างว่ายุคนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ควรลืมอดีต แล้วหันมาทำประโยชน์ให้กับประชาชนดีกว่า
ประชาชน และสมาชิก ผู้สนับสนุนพรรค ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่จะหนักไปทาง “รุมด่า” บางคนใช้คำหยาบคาย หลายคนบอกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์ต่ำสิบบ้าง สูญพันธุ์บ้าง หลังจากนี้จะหยุดสนับสนุนพรรค ไม่เลือกแล้ว เพราะเลือกไปแล้วก็ไป “พายเรือให้โจรนั่ง”
ส่วนคนที่เข้ามาอวย แม้จะมีอยู่บ้าง แต่น้อยมาก แถมในจำนวนนั้นยังถูก “จับโป๊ะ” ได้ว่าเป็นบัญชีในชื่อ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรค ที่เข้ามาคอมเมนต์อวยตัวเอง ยิ่งสร้างความอับอาย ให้กับผู้คนในสังคมมากขึ้นไปอีก จนทางพรรคต้องปิดช่องการแสดงความคิดเห็น
ไม่เพียงเท่านั้น สำนักวิจัย “ซูเปอร์โพล” ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีนี้ ว่าจะส่งผลต่อความนิยมของประชาธิปัตย์อย่างไรบ้าง ปรากฏว่า คะแนนนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในแดนบวก มีพียงร้อยละ 39.9 ในขณะที่คะแนนนิยมส่วนใหญ่ต่อพรรคนี้ ลดลง หรืออยู่ในแดนลบ มากถึงร้อยละ 60.1 นี่เป็นผลสำรวจเฉพาะกลุ่มคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์
การตัดสินใจเช่นนี้ ถือว่า คณะกรรมการบริหารพรรค คิดต่างกับสมาชิก และประชาชนผู้สนับสนุนพรรค เพราะทางคณะกรรมการบริหารพรรค ตั้งความหวังไว้ว่า เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณแล้ว จะทำให้พรรคได้รับความนิยมมากขึ้น แต่สมาชิกและประชาชน กลับแสดงออกถึงความเสื่อมศรัทธาต่อพรรค ที่ไร้จุดยืน ไร้อุดมการณ์ทางการเมือง และจะไม่เลือกอีกแล้ว
จึงต้องไปวัดกันตอนเลือกตั้งในครั้งหน้าว่า สุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไร ใครคิดถูก ใครคิดผิด
สำหรับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี คาดว่ากระบวนการต่างๆ ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน วันที่ 15 กันยายนนี้
แต่ล่าสุด “สมชาย แสวงการ” อดีต สว. หนึ่งใน 40 สว.ที่ยื่นเรื่องถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาเกี่ยวกับมาตรฐานด้านจริยธรรม ก็ออกมาระบุว่า...
ข่าวดี! “ครม.อิ๊ง1” ตรวจละเอียดยิบ รมต.ต้องสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข่าวลืออื้ออึงว่า ติดปมตั้ง 11 ทั้งคดีใน ป.ป.ช. อัยการ ศาล ฯลฯ
จะกล้าลุยตั้งก่อน ไปตายเอาดาบหน้า?... #นักการเมืองดีหายากนักหรือไง !!
แม้ตอนนี้ “อดีตสว.สมชาย” จะยังไม่บอกว่า 11 คนนั้นมีใครบ้าง แต่เชื่อว่า ถ้ามีบุคคลใดในจำนวนนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เมื่อนั้นเชื่อว่าจะมีการแฉออกมาว่าเป็นใคร มีปัญหาด้านคุณสมบัติจากเรื่องใด ...
แน่นอนว่า หากมีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” จะต้องถูกพ่วงไปด้วยอยู่แล้ว
