ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ วัดใจผบ.ทบ.ทวง “ลุงหยุม” ถึงเวลาคืนอาณาจักรป่ารอยต่อให้กองทัพบกได้หรือยัง?
“ลุงหยุม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเรียกถกกรรมการบริหารพรรคเมื่อวาน(29 ส.ค.)เหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจจะเปิดฉากแลกหมัดกับพรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร ให้สุดซอย
นี่ทำให้คอการเมืองกำลังรอคอยดูว่า พปชร.ที่โดนเขี่ยให้เป็น “ฝ่ายแค้น” จะใช้ไม้เด็ด หรือ ท่าไม้ตายท่าไหน
ที่ได้เห็นจากการปล่อยหนังตัวอย่างผ่าน “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ก็คือการยกข้อกฎหมาย “สัญญาว่าจะให้” มาเทียบกรณี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ให้คำมั่นกับพปชร.แล้วไม่ทำตาม
งานนี้ถูกมองว่า พปชร.กำลังฝึกเป็นฝ่ายค้าน แต่ประเด็นที่ไพบูลย์หยิบยกมาเหน็บแหนมอุ๊งอิ๊งนี้มันหน่อมแน้มไปหน่อย
ตรงกันข้ามกับฝ่ายทักษิณ แว่วว่า นอกจากดาบแรกตัด “วงษ์สุวรรณ” ออกจากรัฐบาล จะมีดาบสอง ดาบสาม ตามมาแน่ ในท่วงทำนอง “ตีงูต้องตีให้ตาย”
ประเด็นที่จะงัดมา ฟังว่า ตีการันตีได้จะไม่หน่อมแน้มเหมือนฝ่ายลุงหยุม พุ่งไปการ “ทวงคืน” ผืนป่า “อาณาจักรป่ารอยต่อ” ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ใช้เป็นฐานบัญชาการทางการเมืองมาช้านาน
งานนี้ไม่ต้องรอนาน เพราะ พรรคเพื่อไทยคุมกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว แค่จัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” มีอำนาจเต็มสั่งการให้ รมว.กลาโหม ซึ่งก็คือคนเพื่อไทยคุยกับ “บิ๊กต่อ” พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปดำเนินการให้ถูกต้องเสียที
เพราะต้องไม่ลืมว่า ตั้งแต่ปี 2549 หลัง พลเอกประวิตร เกษียณ ได้ใช้พื้นที่“มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” หรือ “ป่ารอยต่อ” ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านพักสวัสดิการของกองทัพบก ในพื้นที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ผิดวัตถุประสงค์มาเป็นเวลานานกว่า 18 ปี
ช่วงที่ “ลุงหยุม” ครองอำนาจ มากบารมี ได้ใช้ป่ารอยต่อเป็น “อาณาจักร” ของตนเอง บัญชาการทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องเป็นแหล่งชุมนุมกลุ่มผลประโยชน์สำคัญ โดยพลเอกประวิตร เป็นศูนย์รวมเครือข่าย ทั้งการเมือง การทหาร ธุรกิจ
ผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯที่ระบุชัดเจนว่า สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และ สัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ข้อบังคับของมูลนิธิฯ ข้อ 2.7 “ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด” ก็เขียนไว้ชัด
ที่ผ่านมามี “นักร้อง” อาทิ “วีระ สมความคิด “.. “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเอาไว้แล้ว เพียงแต่ทำอะไรกับ “ลุงหยุม”ไม่ได้ ในช่วงรัฐบาลทหาร คสช. และ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เกรงใจ “พี่ใหญ่ 3 ป.”
วันนี้ถ้าตัดประเด็นความเป็นพี่เป็นน้องของผองทหาร เอาความถูกต้องเป็นที่ตั้งพื้นที่ “ป่ารอยต่อ” เป็นของกองทัพบกโดยปราศจากข้อสงสัย
งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับใจของ ผบ.ทบ.แล้วละว่า จะกล้าทวงคืนจากพลเอกประวิตร หรือไม่ !.
++ จากมิตร เป็นศัตรู “เสรีพิศุทธ์” ทิ้งบอมบ์ “ทักษิณ” หากระเบิดไม่ด้าน มีตายยกรัง
คอการเมืองคงจำกันได้ในช่วงเย็นวันที่ 14 สิงหาคม ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วบอกว่าจะเสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกรัฐมนตรี แทน “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ถูกถอดถอนในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
วันรุ่งขึ้น ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยกลับมีมติเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ
วันนั้น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่มีสส.เพียง 1 เสียง ยังโผล่ไปร่วมแสดงความยินดี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แถมมีคำพูดที่ใครได้ยินได้ฟังต้องร้องโอ้โฮ ...
“ผมเกิดมาไม่รู้ทำไมต้องรับใช้พรรคเพื่อไทยอยู่ตลอด ตั้งแต่คราวที่แล้วรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ผม 300 ล้าน เป็นรองนายกรัฐมนตรี ผมยังไม่เอาเลย แม้ว่าต่อมาบอกว่าจะเอาเท่าไหร่ ก็ได้ ผมก็ไม่เอา อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตลอด การเลือกตั้งครั้งใหม่ ก็ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย” และบอกว่า ส่วนตัวรู้จักกับ“ทักษิณ ชินวัตร”มากว่า 50 ปี ตั้งแต่“อุ๊งอิ๊ง”ยังไม่เกิด
ส่วนเรื่องตำแหน่งนั้น ไม่ต้องพูดถึง ไม่จำเป็น “เสรีพิศุทธ์”ไม่เคยอ้าปากขอใคร เรามีศักดิ์ศรี
ในช่วงการฟอร์ม “ครม.อุ๊งอิ๊ง1”เลยไม่มีชื่อ “เสรีพิศุทธ์” อยู่ในโผ ไม่ว่าตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น
และแล้ว ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29ส.ค.) “เสรีพิศุทธ์” ก็ออกมาประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค มีมติ 7 ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัว ออกมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
แถมยังทิ้งบอมบ์ใส่ “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทย บอกรัฐบาลที่แล้ว “เศรษฐา” ตั้งนักโทษเป็นรัฐมนตรี...รัฐบาลนี้ นักโทษตั้งนายกรัฐมนตรี แล้วอย่างนี้จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
ช่วงจัดตั้งรัฐบาลก็ชุลมุนวุ่นวาย มีหลายพรรคการเมืองมาร่วม แต่ละพรรคต่างก็อยากได้ตำแหน่ง “อุ๊งอิ๊ง”จะมีสติปัญญาอะไรที่จะบริหาร เป็นการบริหารโดยพ่อทั้งนั้น เพราะพ่อเชี่ยวชาญเรื่องรัฐธรรมรมนูญและการต่างประเทศ
“ทักษิณ” ไม่พอใจ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะเป็นคนปฏิวัติน้องสาว คราวที่แล้วยอมให้ร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีเสียงครบ แต่คราวนี้ไม่มีสิทธิแล้ว
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ยังแฉว่าเคยไปพบ “ทักษิณ” ที่โรงพยาบาลตำรวจถึง 2 ครั้ง ในระหว่างที่ทักษิณยังเป็นนักโทษ พร้อมนำเอกสารมาแจกสื่อมวลชนด้วยว่า มีการติดต่อนัดหมายกันทางไลน์ก่อน โดยครั้งแรกเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และครั้งที่ 2 เมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ ที่มีข่าวว่า“ทักษิณ” อาการดีขึ้น จะออกจากโรงพยาบาล
ตอนที่คุยกัน “ทักษิณ” บอกถึงยังไงก็ไม่เอา “ตระกูลวงศ์สุวรรณ” มาร่วมรัฐบาลในรอบนี้ เพราะอะไร ก็รู้กันอยู่
ส่วนบุคคลที่อยู่ในไลน์ ที่มีการติดต่อกันนั้นเป็นใคร... “เสรีพิศุทธ์” บอกว่าว่า ยังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวถึงเวลาให้การ ก็เปิด “ผมยังไม่พูดเลยว่าอาการนายทักษิณเป็นยังไง พอไปถึงห้อง ก็ชกกระสอบโชว์ผมหรือเปล่า หรือว่านอนป่วย..”
ขอให้รอดู ว่าคนในสังคมจะคิดยังไง อยากให้ตนทำอย่างไร ป.ป.ช. ที่รับเรื่องนี้ และไปตรวจสอบเรื่องนี้จะเชิญไปให้การหรือไม่ รายละเอียดบางเรื่อง ยังไม่ควรจะเปิดเผยเพราะจะติดคุกกันหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจะติดคุกกันหมด
อย่างไรก็ตาม “เสรีพิศุทธ์” ยอมรับว่า ที่ถอยออกมาครั้งนี้ก็มีน้อยใจบ้าง ที่ตั้งใจจะเข้าไปช่วยทำงาน โดยเฉพาะงานด้านตำรวจ แต่ก็ไม่ได้รับมอบหมายให้ทำ ตอนนี้ปัญหาในตำรวจเละเทะ ไม่มีใครคิดจะแก้ไข คนในพรรคเพื่อไทยก็มีสติปัญญาเพียงเท่านี้ คนที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี บอกว่างานตำรวจ “ทักษิณ” จะดูแลเอง เพราะเขารู้จักตำรวจดี แต่เขาลืมไปแล้วหรือว่า ตนเคยเป็น ผบ.ตร. มาก่อน แล้วทักษิณจะรู้จักตำรวจดีกว่าตนเองได้อย่างไร
คนรู้จักกันมา 50 กว่าปี ยังทำกันได้ แล้วอย่างนี้จะคบกันต่อไปทำไม
“เสรีพิศุทธ์” ทิ้งบอมบ์อีกลูกว่า เพราะ“ทักษิณ” ครอบงำพรรค รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ถึงปี รวมถึง “อุ๊งอิ๊ง” ก็จะมีเรื่องร้องเรียนอีกเยอะ เพราะมีคนเตรียมร้องเรียนมากมาย
จะว่าไปแล้วการออกมาของ “เสรีพิศุทธ์” ครั้งนี้ จะเป็นเรื่องของคนแก่เลอะเลือน กลับไปกลับมา เดี๋ยวหนุน เดี๋ยวน้อยใจออกมาด่า หรือ เป็นเรื่องของคนแก่ที่ยังไม่ละกิเลส อยากมีตำแหน่งแห่งที่ เพราะใจความหลักนั้นอยู่ที่ว่า เข้าร่วมรัฐบาลเพราะอยากทำงาน อยากดูแลตำรวจ
แล้วคนที่จะกำกับดูแลตำรวจได้นั้น นอกจากนายกรัฐมนตรี ก็คงจะมีเพียง รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายโดยตรงเท่านั้น แต่การที่พรรคเสรีรวมไทย ที่มีสส.เพียง 1 เสียง คงเป็นเรื่องยากที่จะได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
นี่ถือว่าเป็นการออกมาชกโชว์ แค่ยกแรก จะมี สอง สาม ตามมาหรือไม่ ต้องวัดใจ “เสรีพิศุทธ์” ว่าจะตั้งใจเป็นศัตรูกับ “ทักษิณ”จริง หรือแค่ต่อรองเอาตำแหน่งรองนายกฯเท่านั้น
แต่แนวโน้มตอนนี้ถือว่า “ทักษิณ” ได้ศัตรูเพิ่มมาอีก 1 คน และถ้าดูเบา ไม่บริหารจัดการให้ดี สุดท้ายอาจมีตายยกรังก็เป็นได้