xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ ขึ้นเหนือ ปิดจุดอ่อนพท.“เอาไม่อยู่” !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ต้องยอมรับการสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าหลากทางภาคเหนือหลายจังหวัดปีนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสเกินคาด เช่น เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เป็นต้น และจากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาต้องออกคำเตือนให้ระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือในช่วง 1-2 วันข้างหน้านี้

แน่นอนว่าส่วนสำคัญคือเป็นภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องสภาพอากาศแปรปรวน สภาวะโลกร้อน ปัญหาจากการตัดไม้ทำลายป่า และเป็นปัญหาจากมนุษย์ ซึ่งล้วนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากความเสียหายและผลกระทบแล้วต้องย้ำว่า “หนักมาก” ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ ก็ต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่า เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่ามาตรการป้องกัน การบรรเทาความเสียหาย รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความล่าช้า และไม่ทั่วถึง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมพุ่งเป้ามาที่ภาครัฐ โดยเฉพาะรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย

แม้ว่าส่วนหนึ่งสามารถอธิบายได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จาก นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แต่ก็ยังไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตี เนื่องจากยังมีกระบวนการไม่ครบถ้วน ทุกอย่างยังทำได้ไม่เต็มที่ ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ถึงอย่างไรสำหรับการบริหารจัดการก็ยังถือว่า ทำได้เกือบเต็มร้อยอยู่แล้ว

แต่เมื่อได้เห็นจากสถานการณ์จริงในหลายพื้นที่ก็ต้องยอมรับว่า การช่วยเหลือ ดูแลชาวบ้าน ยังไม่มีเอกภาพ และไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์รัฐบาล ดังเซ็งแซ่ไปหมด สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงานไม่สมราคาคุย

ขณะเดียวกันผลจากการที่รัฐบาลถูกมองว่ายังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรดังกล่าวยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวบ้านลามไปยังพื้นที่อื่นๆที่จะต้องกลายเป็นพื้นที่ “รับน้ำ” จากทางเหนือลงมา เช่น ภาคเหนือตอนล่าง ที่เวลานี้น้ำเริ่มไหลลงมาที่จังหวัดสุโขทัย กำลังลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภาคกลาง จนมาถึงกรุงเทพมหานคร หลายคนเริ่มวิตกมากขึ้นว่า สถานการณ์น้ำท่วมอาจซ้ำรอยเหตุการณ์ในปี 2554 ที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีวาทะ “เอาอยู่ค่ะ” อันน่าจดจำ จนมีการตั้งข้อสังเกตกันตามมาว่า จะเกิดขึ้นในยุคที่มี “นายกหญิง” อีกหรือเปล่า

แน่นอนว่า ด้วยเสียงสะท้อน เสียงวิจารณ์ในทางลบที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบไปถึง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคโซเชียลที่การสื่อสารไปไกลและเร็วมาก เพียงแค่คำชี้แจงของ นายกฯที่บอกว่าสาเหตุที่ไม่อาจไปเยี่ยมพี่น้องชาวจังหวัดแพร่ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากปัญหาสภาพไม่อำนวย เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ ก็ถูกวิจารณ์ขรมแล้ว ว่าไม่มี “ภาวะผู้นำ” โดยระบุว่าหากมุ่งมั่นไปเยี่ยมเยียนช่วยเหลือก็ต้องหาทางไปจนได้ ปัญหาสภาพอากาศคงไม่ใช่อุปสรรคจนทำอะไรไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน รอความช่วยเหลือ รอคอยกำลังใจ หรือแม้กระทั่งการโพสต์รูปขณะที่เธอกำลังท่องเที่ยวอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก่อนหน้าจะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่การนำมาโพสต์ในช่วงจังหวัดที่เกิดสถานน้ำท่วมสาหัส มันก็กลายเป็นว่าถูกวิจารณ์ถึงการ “ไม่รู้กาละเทศะ” สำหรับผู้นำรัฐบาลเพิ่มขึ้นไปอีก

นั่นเป็นเสียงสะท้อน และเสียงวิจารณ์ในทางลบต่อตัว นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการลงพื้นที่ของบรรดารัฐมนตรี หลายคน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังไม่เกิดภาพในทางบวกมากนัก

ขณะเดียวกันหากโฟกัสไปที่ภาคเหนือแล้ว ในทางการเมืองถือว่ายังถือว่าเป็น “ฐานเสียงหลัก” ของพรรคเพื่อไทย และครอบครัวชินวัตร มานาน ยังถือว่าเป็นบ้านเกิด เนื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยจะสูญเสียที่นั่งไปไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังรักษาเอาไว้ได้

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ถือว่าไม่น่าไว้วางใจ หลังจากที่คู่แข่ง อย่างพรรคประชาชน ที่กำลัง “แย่งชีน” ในหลายพื้นที่ ยิ่งทำให้ “นั่งไม่ติด” เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับต้องรีบบินมาที่จังหวัดเชียงราย มาเยี่ยมเยียนชาวบ้านด้วยตัวเอง

โดยเขาลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย อาทิ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน, นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์, นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช รวมถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรร่วมลงพื้นที่ด้วย

“วันนี้ผมให้กำลังใจประชาชน เพราะเป็นหนี้บุญคุณเขา 17 ปีเขาไม่เคยลืมเรา เวลาเขามีทุกข์ เราก็ควรมาเยี่ยม และให้กำลังใจ เป็นธรรมชาติของคนไทยที่ต้องรู้จักบุญคุณคน โดยชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ บ้านหายไปหลายหลัง และได้รับความเสียหายเรื่องรถด้วย เพราะดินที่ใช้เพาะปลูกเยอะ และไม่มีที่คลุมดิน ยึดดิน ทำให้เมื่อฝนตกหนักฉะดินหนัก เมื่อฝนตกหนักน้ำจึงไหลเร็วมากและพัดบ้านเรือนประชาชน โดยตนเองจะเล่าให้รัฐบาลฟัง เผื่อเขาจะได้สนใจปัญหาที่แท้จริง และมาช่วยกันเยียวยาซึ่ง สส. ในพื้นที่ได้รายงานไปแล้วและคงต้องมีการเยียวยาพอสมควร”

สำหรับบรรยากาศการลงพื้นที่ของนายทักษิณ มีประชาชนมาขอจับมือ ถ่ายภาพ และบอกว่า คิดถึง ที่ไม่เจออดีตนายกฯ มานาน จึงดีใจ ขณะที่นายทักษิณ ก็เปิดเผยว่าดีใจเช่นกัน ที่มาลงพื้นที่นอกจากนำความห่วงใยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาให้พี่น้องแล้ว ตนเองอยากมาขอบคุณชาวเชียงราย ที่ไม่ลืมกัน ไม่ทิ้งกัน แม้จะหายไป 17 ปี ก็ยังเลือก สส.พรรคเพื่อไทย มาโดยตลอด

แน่นอนว่าลักษณะการลงพื้นที่ของ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรี บวกกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการพูดถึงมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ ฟื้นฟูหลังน้ำลด การทุ่มงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในระยะยาว โดยไม่วายแก้ต่างให้กับ น.ส.แพทองธาร ว่าไม่อาจช่วยเหลือได้เต็มที่ เนื่องจากยังไม่อาจทำหน้าที่นายกฯได้ รวมถึงยังอ้างเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ

หากมองถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย และภาคเหนือในครั้งนี้ นอกเหนือจากการแสดงบทบาท “ผู้นำตัวจริง” แล้ว ยังเป็นการ “กระชับพื้นที่” ในพื้นที่ฐานเสียงหลักอีกด้วย หลังจากที่ผ่านมาเกิดอาการซวนเซสูญเสียที่มั่นไปไม่น้อย เพราะหากไม่ตื่นตัวมันก็จะยิ่งเสียหายไปมากกว่าเดิม

อีกทั้งยังเป็นการปิดจุดอ่อน กลบเสียงวิจารณ์ภาพลบของรัฐบาลจากการรับมือปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา เพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ เพราะที่ผ่านมาถือว่าเสียหาย ถดถอยลงไปมาก !!


กำลังโหลดความคิดเห็น