เมืองไทย 360 องศา
แม้เวลานี้จะเข้าใจกันว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของบรรดาว่าที่รัฐมนตรีในรัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลก็ส่งรายชื่อกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมมีการเคลื่อนไหวจากพรรคพลังประชารัฐใน “ทีมลุงป้อม” ที่ทำหนังสือทวงเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
หนังสือที่ลงนามโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค มีข้อความตอนหนึ่งอ้างว่า พรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้รับหนังสือเพื่อให้กรอกแบบข้อมูล ประวัติและคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เฉพาะของ พล.ต.อ.พัชรวาท ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้รับครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งยังอ้างสัญญาประชาคมในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน และโควตารัฐมนตรีจำนวน 4 เก้าอี้ และได้เสนอชื่อบุคคลเป็นรัฐมนตรีตามมติพรรค พร้อมทั้งเร่งรัดให้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรีบส่งหนังสือกรอกข้อมูล ประวัติและคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีมาให้โดยเร็ว
สำหรับเนื้อหาหนังสือของพรรคพลังประชารัฐดังกล่าว ระบุว่า ด้วยพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ได้พิจารณาเรื่องเสนอชื่อบุคคลให้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ข้อ 17 (1) (ฉ) และ ข้อ 92 โดยที่ประชุมได้พิจารณาการที่พรรคพลังประชารัฐได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยได้มีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐได้ลงมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เสนอรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคไปให้นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ผ่านนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 4 ท่าน ดังนี้ 1.พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2.ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 4.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจาก 4 รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐอ้างมติพรรคให้การรับรองทำให้มองเห็นว่า มีเพียง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูก “เขี่ย”ออกไปจากการร่วมรัฐบาล สอดรับกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า “บ้านจันทร์ส่องหล้า” หรือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ยื่นคำขาดไม่ต้องการให้ “วงษ์สุวรรณ” เข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทยได้เลือก “ทีมผู้กอง” ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรี โดยในจำนวนนั้นยังรวมเอาชื่อของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเข้าไปด้วย เนื่องจากขาดเพียงแค่ พล.ต.อ.พัชรวาท เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้รับหนังสือแจ้งให้กรอกประวัติและคุณสมบัติ
อีกทั้งเมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เป็นไปได้สูงที่พรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อทดแทนเสียงสนับสนุนจากฝ่ายพรรคพลังประชารัฐในปีกของ “ลุงป้อม” เพียงแต่ว่ายังรอจังหวะการส่งเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ และรอมติที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์นการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งไม่น่ายาก เนื่องจากการบริหารพรรคอยู่ในมือของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค อย่างเบ็ดเสร็จ และที่ผ่านมาพวกเขาก็แบะท่าพร้อมร่วมรัฐบาลอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดีเรื่องราวคงไม่จบง่ายๆ และการจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่จบ เนื่องจากหากฝ่าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังอ้างมติพรรคที่รับรองรายชื่อบุคคลที่เสนอเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรคจำนวน 4 คน ดังมีรายชื่อดังกล่าว อีกทั้งยังอ้างถึง “ฉันทามติ”ข้อตกลงในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จนนำไปสู่การลงมติสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ จนทำให้กลายเป็นข้อผูกพัน จะสลัดทิ้งตามใจชอบไม่ได้ง่ายๆ
ขณะเดียวกันหากพรรคเพื่อไทยจะเลือกเอาเฉพาะ “ทีมผู้กอง” และรวม นายสันติ พร้อมพัฒน์ เข้าไปด้วย โดยที่ไม่เอา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มันก็อาจมีปัญหาทางกฎหมาย เนื่องจากมติพรรคพลังประชารัฐรับรองการเสนอชื่อรัฐมนตรีจำนวน 4 คน
เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง เพราะหากจะ “เขี่ยทีมลุงป้อม” ก็ต้องเขี่ยออกมาทั้งพรรค จะเขี่ยบางส่วนออกมาไม่ได้ หรือหากจะเขี่ยพรรคพลังประชารัฐกันจริง แล้วดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเสียบแทน ก็ต้องเจรจากันใหม่ แบ่งโควตากันใหม่กับพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ดีเชื่อว่านาทีนี้ทางพรรคเพื่อไทย ทั้งในระดับ “เจ้าของพรรค” คงต้องเร่งให้จบเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาตามมา และแม้ว่าจะมีความพยายามต้องการ “เขี่ยลุงป้อม” ออกจากรัฐบาล จากปัญหาความไม่ลงรอยกันมาหลายเรื่องก็ตาม แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่าย ตราบใดที่ ฝ่าย พล.อ.ประวิตร ยังกุมเสียงข้างมากในคณะกรรมการบริหารพรรค ยังสามารถประชุมและรับรองการเสนอชื่อบุคคลเป็นรัฐมนตรี ทำให้ยังคาราคาซังไปอีกพักใหญ่
ขณะเดียวกันที่ต้องจับตากันอีกก็คือ เวลานี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวร้องเรียนจากบรรดา “นักร้อง” มีชื่อทั้งหลาย ที่ต่างพุ่งเป้าไปที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หลายกรณี เท่าที่สำรวจมีไม่น้อยกว่า 5 เรื่องเข้าไปแล้ว บางกรณีเสี่ยงต่อการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีความเสี่ยงคุกตะราง และที่สำคัญมีทั้งกรณีถูกยุบพรรครวมทั้งต้องพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งหลายคนมองว่าบรรดา นักร้องที่ว่านั้นมีบางคนใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสียด้วย ไม่เว้นแม้แต่องค์กรอิสระบางหน่วยงานที่เริ่มขยับตรวจสอบ นายทักษิณ ชินวัตร โดยหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจากโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 นั่นแหละ