ภาคธุรกิจรุดเสนอแผน-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ ”นายกฯ อิ๊งค์“ ประธานหอการค้าฯ เผยเตรียมเสนอมาตรการ 3 ระยะ ชี้สิ่งสำคัญคือให้ความชัดเจนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาล แนะกระทรวงศก.-ภาคเอกชนต้องประสานใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ส.ค. น.ส.แพทองธาร เดินทางถึงอาคารชินวัตร 3 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชน ก่อนที่ภาคเอกชนได้ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจ และขอเสนอมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้านต่างๆ
โดยเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 2 อาคารชินวัตร 3 ชั้น 9 สภาหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย-จีน นำโดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าพบ
นายสนั่น ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้หอการค้าเข้าพบ ซึ่งหอการค้าได้มีการทำการบ้านมาพอสมควรที่จะมานำเสนอเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งในเรื่องของระยะสั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องความชัดเจนของการจ่ายเงิน 10,000 บาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และทางหอการค้าเองก็คงจะมีการนำเสนอ
นายสนั่น กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งมาตรการเยียวยาที่ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งระยะกลางและระยะสั้นคงได้มีการพูดคุยกัน ในส่วนของสินค้าเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบันร้องกันทุกวันจึงควรจะมีมาตรการในการช่วยกันระหว่างรัฐกับเอกชนในการปกป้องเอสเอ็มอีให้ยืนอยู่ได้อย่างไรบ้าง เรามีข้อเสนอดีๆ อีกทั้งก็อยากฟังทางนายกรัฐมนตรีจะเห็นด้วยประการใด อยากให้รัฐบาลมีมาตรการออกกฏหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ค้าจากต่างประเทศที่มีการทะลักเข้ามาของสินค้า
นายสนั่น กล่าวว่า เรื่องที่สำคัญเราจะมีการเสนอในการทำยุทธศาสตร์ระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐว่าอนาคตของประเทศจะขับเคลื่อนไปอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) โตได้ร้อยละ 3 อย่างต่ำ และควรไปถึงได้ร้อยละ 5 ก็คงต้องขอความเห็นจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าด้านความเชื่อมั่นในสายตาของการค้าไทยมองเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายสนั่น กล่าวว่า เราดูว่าพรรคร่วมรัฐบาล น่าจะมีเอกภาพดี แต่การทำงานก็คงจะต้องมีการประสานงานระหว่างกระทรวงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ควรต้องฟังเสียงสะท้อน และการนำเสนอของภาคเอกชน ซึ่งส่วนตัวถือว่าสิ่งนี้มีความสำคัญมากที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้อย่างยั่งยืน