ป.ป.ช.ชี้มูล “บุญสืบ” อดีต ผบก.ตำรวจน้ำ ร่ำรวยผิดปกติ หลักฐานชัดรับส่วยน้ำมันเถื่อน 36.7 ล้าน ชงอัยการฟ้องยึดทรัพย์ แจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษไล่ออกฐานทุจริต
วันนี้ (22 ส.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช แถลงว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายบุญสืบ ไพรเถื่อน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวน ปรากฏว่า นายบุญสืบ ขณะดำรงตำแหน่งรักษาการแทนในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ และตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ สืบเนื่องจากการเรียกรับเงินจากผู้ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมาย และผู้ประกอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงหลายรายเป็นรายเดือน มีการนำเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนและคู่สมรส และมีการนำเงินไปชำระเบี้ยประกันชีวิต รวมจำนวน 36,770,717.76 บาท ประกอบด้วย
1. บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นายบุญสืบ ไพรเถื่อน จำนวน 10 รายการ รวมเป็นเงิน 2,369,455 บาท
2. บัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาประชานิเวศน์ 1 ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นายบุญสืบ ไพรเถื่อน จำนวน 9 รายการ รวมเป็นเงิน 2,503,750 บาท
3. บัญชีธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขามาบุญครอง ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นายบุญสืบ ไพรเถื่อน จำนวน 9 รายการ รวมเป็นเงิน 1,400,000 บาท
4. บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาประชานิเวศน์ 1 ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางจุฑามาส ไพรเถื่อน คู่สมรส จำนวน 128 รายการ รวมเป็นเงิน 23,456,162.76 บาท
5. บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาประชานิเวศน์ 1 ประเภทประจำ 3 เดือน ชื่อบัญชี นางจุฑามาส ไพรเถื่อน คู่สมรส จำนวน 1 รายการ จำนวน 5,000,000 บาท
6. เงินที่ชำระเบี้ยประกันชีวิตกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,041,350 บาท
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ นายบุญสืบ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 36,770,717.76 บาท โดยให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัย พร้อมด้วย ข้อเท็จจริงโดยสรุป ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายใน ระยะเวลา 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125