ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ธรรมนัส ดึง ปชป.เป็นแนวร่วม แบ่งโควตา รมต.คนละครึ่ง
หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศแตกหักกับ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จากปัญหาการส่งชื่อบุคคลเข้าเป็นรัฐมนตรีใน “ครม.แพทองธาร 1” เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นมีการวัดพลัง โดยนัดสส.ในกลุ่มของตนเองมาร่วมรับประทานอาหารกลางวัน
ปรากฏว่า จากสส.ของพรรค 40 คน ไปยืนข้าง ร.อ.ธรรมนัส ที่กระทรวงเกษตรฯ 26 คน ไปที่บ้านป่ารอยต่อฯ ของ”ลุงป้อม”แค่ 14 คน
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคเล่นแทงกั๊ก โดยตัวเองไปอยู่ทางกลุ่มลุงป้อม แต่ให้ภรรยาของตนเอง และสส.เพชรบูรณ์ ที่อยู่ในกลุ่ม ไปร่วมก๊วนผู้กองธรรมนัส
เป็นอันว่าศึกยกแรกนี้ ฝ่าย“ผู้กอง”มีแต้มต่อเหนือฝ่าย “ลุงป้ออม”
จากนั้นมีรายงานว่า ในช่วงกลางดึกของวันที่ 20 ส.ค. ทาง ร.อ.ธรรมนัส พร้อมด้วยแกนนำในกลุ่มอย่าง “ไผ่ ลิกค์-อรรถกร ศิริลัทธยากร” ก็เดินทางเข้าพบ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านพักส่วนตัว เจรจาดึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี ส.ส.อยู่ 25 เสียง เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเป็นอะไหล่ในส่วนของ “ลุงป้อม” ที่เสียงอาจขาดหายไปในยามที่ต้องโหวตกฎหมายสำคัญ
รุ่งเช้าวันที่ 21 ส.ค.ก็มีข่าวออกมาจากทางฝั่ง “ร.อ.ธรรมนัส” ว่า ทางกลุ่มได้ส่งชื่อบุคคลที่จะเข้าร่วม ครม.ใหม่ไปแล้ว โดยตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งไป 2 ชื่อ คือ “อัครา พรหมเผ่า” อดีตนายก อบจ.พะเยา น้องชายของร.อ.ธรรมนัส กับชื่อ “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัตน์ ผู้แทนการค้าไทย และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม โดยผู้กองธรรมนัส ยอมถอยออกมาหลังถูกวิพากวิจารณ์เรื่องคุณสมบัติ
ส่วน “อรรถกร ศิริลัทธยากร” สส.ฉะเชิงเทรา ยังคงอยู่ในตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ตามเดิม ที่เจ้าตัวนั่งอยู่
บวกกับอีก 1 ชื่อ ที่ไปแทนโควตาของ“บิ๊กป๊อด“ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย “ลุงป้อม” แต่อาจจะไม่ใช่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามโควตาเดิม
แต่ไม่มีชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.สาธารณสุข นัยว่าเพื่อเป็นการให้บทเรียนทางการเมือง กับพฤติกรรมม“เหยียบเรือสองแคม”
เล่นเอาฝ่าย “สันติ พร้อมพัฒน์” ต้องออกมาแก้เกมว่า ได้ดึง 6 สส.เพชรบูรณ์ กลับบ้านป่ารอยต่อฯ หมดแล้ว ทำให้ตอนนี้ “กลุ่มลุงป้อม” มีสส.20 คน ส่วน “กลุ่มร.อ.ธรรมนัส” ก็มี สส. 20 คน เท่ากัน
จากนั้น ก็มีแถลงการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ปล่อยออกมาว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยยังมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และในการประชุมสภาฯ เพื่อโหวตนายกฯ ทางพรรคก็ลงมติเห็นชอบ “แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้เพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี
และในการส่งชื่อผู้ที่จะเข้าร่วม ครม.ทางพรรคก็ส่งไป 4 คน โดยเป็นรายชื่อเดิม ตำแหน่งเดิม ที่เคยเป็นในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่ “ลุงป้อม” เคยให้สัมภาษณ์ว่า พรรครัฐบาลไม่เอา ร.อ.ธรรมนัส แล้ว
อย่างไรก็ตามทางกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส” มองว่า แถลงการณ์ดังกล่าว อาจไม่ใช่ของจริง เชื่อถือไม่ได้ เพราะท้ายแถลงการณ์ ไม่มีการลงนามของหัวหน้าพรรค หรือผู้รับผิดชอบใดๆเลย
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า ทางกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส” ยืนยันชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้โควตาร่วมรัฐบาล 2 เก้าอี้ เป็น 1 ว่าการ กับ 1 ช่วยว่าการ จากโควตาของพรรคพลังประชารัฐเดิม โดย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค จะนั่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส่วน “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรค นั่ง รมช.สาธารณสุข
ทำให้กลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส” เหลือ 2 เก้าอี้ คือ 1 ว่าการ กับอีก 1 ช่วยว่าการ คือ 1. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ อัครา พรหมเผ่า จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ “อรรถกร ศิริลัทยากร” เป็นช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ส่วนชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” นั้น หลุดโผ หลุดโควตาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย นั้นถือว่าเป็นคู่แค้นในทางการเมืองมาตลอด 20 ปี ก็ต้องติดตามว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องใช้ “พรรคอะไหล่” หรือไม่
ส่วนประชาธิปัตย์ในยุคของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ที่พร้อมเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย สุดท้ายจะส่งผลบวก หรือเป็นผลลบ กับชื่อเสียง ความไว้วางใจ และสนามเลือกตั้งในอนาคต
++ ร้อนฉ่าปม"อุดม"ว่า ต้องขอบคุณตุลาการยุบก้าวไกลแค่ยักไหล่แล้วไปต่อได้ 20 ล้าน!
จากคลิปว่อนเน็ตของ “อุดม สิทธิวิรัชธรรม” หนึ่งในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พูดถึงกรณียุบพรรคก้าวไกล และการตั้งพรรคประชาชน ในระหว่างบรรยายสัมมนาทางวิชาการ หัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” ที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาร้อนฉ่า
คำพูดของ “อุดม สิทธิวิรัชธรรม” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตอนหนึ่งที่ว่า ... “จริงๆ ต้องขอบคุณผมนะ มีการยุบพรรคเขา เห็นไหมครับ เขาได้เงินตั้งกี่ล้านน่ะ ภายในสองวัน ถ้าไม่ยุบเนี่ย เขาร้องไห้ฟรีเลยนะ ก่อนหน้านั้นน่ะ เงินไม่มีนะ ต้องขอบคุณผมนะ ทำให้เขามีเงินเข้าไปตั้ง 20, 30 ล้าน ใช่ไหม สมาชิกเก่าเข้าไปจดทะเบียนเป็นสมาชิกตามไปด้วยเห็นไหม ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหนเลย”
กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขรมในโลกโซเชียลฯ
ความเห็นจัดหนักก็เห็นจะเป็น “ทัวร์สีส้ม” ที่แห่แหน กระแทกแป้นคีย์บอร์ดสาดเสียเทเสียใส่ “อุดม สิทธิวิรัชธรรม”
ขณะที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฟาดกลับว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อย วิพากษ์วิจารณ์ถึงกาลเทศะ ตลอดจนพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะขาดวุฒิภาวะของ อุดม
และ “อุดม” ขาดความตระหนักว่า ไปร่วมงานเสวนาในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงพูดออกมาตามที่คิดอยู่ในใจ โดยไม่ระมัดระวัง จนเกิดข้อสงสัยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของอุดมนั้น มีอคติหรือไม่ ขออนุญาตแนะนำให้ อุดม ไปอ่านมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการ เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่าน ด้วยอายุของอุดม น่าจะปรับปรุงตัวเองได้ไม่ยากนัก
ส่วนตัวตึงอย่าง “รังสิมันต์ โรม"’ บอกว่า ปมยุบพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องจะตลก สังคมที่เจริญแล้วไม่มีใครยอมรับได้ วอนหยุดใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติ
“อุดม สิทธิวิรัชธรรม” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563
ปัจจุบันอายุ 70 ปี จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 28 สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก่อนจะดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เคยดำรงตำแหน่ง นายทหารพระธรรมนูญ กองทัพเรือ, ผู้ช่วยผู้พิพากษา, ผู้พิพากษาศาลจังหวัดหลายแห่ง
ต่อมาเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 6, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ภาค 3, ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 5 และประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลอุทธรณ์ภาค 3, รองประธานศาลอุทธรณ์, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 และ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้, ผู้พิพากษาศาลฎีกา, ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา ตามลำดับ
งานนี้ก็ต้องรอดูว่าอุดมจะถูกทัวร์ส้มถล่มไปอีกนานแค่ไหน เพราะดูจากงานเดียวกันนี้ ยังมีคำพูดที่ฟังดูแล้วพลพรรคประชาขน หรือ ก้าวไกลเดิม คงรับไม่ไหว...
“ยุบปั๊บ เอ้า ไปเปิดพรรคใหม่ได้ เอ้า ไม่ข้องใจแล้วหรือ? เมื่อวานร้องไห้อยู่ พรรคเราจะไปแล้ว อย่างนู้น อย่างนี้ โอ้ สองวันเลิก จากน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ ‘ยักไหล่แล้วไปต่อ’ เงิน 20 ล้าน”
ติ่งส้มว่าไง!?