“พลังประชารัฐ” พัง “ธรรมนัส”แตกหัก“ลุงป้อม” งานนี้ตระกูล “วงษ์สุวรรณ” อาจถึงปิดฉากทางการเมือง

ข่าวปนคน คนปนข่าว

++“พลังประชารัฐ” พัง “ธรรมนัส”แตกหัก“ลุงป้อม” งานนี้ตระกูล “วงษ์สุวรรณ” อาจถึงปิดฉากทางการเมือง

การฟอร์ม ครม. “แพทองธาร 1” รอบนี้ ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย อดีตนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่แต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี จนทำให้ตัวเองต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ

ไฮไลต์ ที่คอการเมือง ให้ความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิด ตอนนี้อยู่ที่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค

เพราะเกิดรายการชิงเหลี่ยมกันภายในพรรคพลังประชารัฐทันที ที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีข่าวตามออกมาว่า “นายใหญ่” ได้กำชับว่าจะต้องไม่มีคนจากตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ร่วมรัฐบาล

หลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวตามมาว่า “ลุงป้อม” ได้ต่อสายเคลียร์กับ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นที่เรียบร้อย “บิ๊กป๊อด” “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” จะยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามเดิม ส่วน “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.สาธารณสุข จะมาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แทน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ส่วน “อรรถกร ศิริลัทธยากร” ยังเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ตามเดิม โดยมี “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” เข้ามาเป็น รมช.สาธารณสุข

ขณะเดียวกัน ในโลกโซเชียลฯ ก็มีการแฉว่า “สันติ พร้อมพัฒน์” ก็มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติในด้านมาตรฐานจริยธรรม เช่นกัน จากเรื่องทุจริตการสอบ ที่ ม.รามคำแหง โดยให้คนอื่นสอบแทน จนทางมหาวิทยาลัยต้องลงโทษ ลบชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษา

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) สัญญาณแตกหักระหว่าง “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรค กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ในฐานะเลขาธิการพรรค ก็เกิดขึ้น เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ออกปากว่าตัดขาดว่า

"6 ปีที่ผ่านมาผมรับใช้ พล.อ.คนหนึ่ง มามากพอสมควรแล้ว มันถึงเวลาที่ผมต้องเดินออกมา"

แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตรงๆ แต่ใครๆ ก็รู้ว่าหมายถึง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถูกถามว่า ที่ผ่านมาได้คุยกับ “พล.อ.ประวิตร” หรือยัง “ร.อ.ธรรมนัส” ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องคุย เพราะท่านไม่อยากจะใช้ผมแล้ว แม้ไม่ถูกขับจากพรรค เราก็อยู่กันแบบนี้ ส่วนกลุ่มพี่น้องมีกี่คนเดี๋ยวก็รู้

“เราแยกออกมาให้ชัดเจน ว่าจะอยู่อย่างไรกัน แต่ผมจะไม่ทำลายบ้านเมือง และไม่ทำลายรัฐบาล”

จากนั้น “ร.อ.ธรรมนัส” ก็เช็กเสียงโชว์ โดยนัด สส.ที่อยู่ในกลุ่มของตน ไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่กระทรวงเกษตรฯ ขณะที่ “ลุงป้อม” ก็นัด สส.ในเครือข่าย ไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่บ้านป่ารอยฯ ต่อเช่นกัน

ปรากฏว่า สส.พลังประชารัฐ ใน“กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส” มี 26 คน และยังมี สส.จาก 5 พรรคเล็กไปร่วมด้วย ดังนี้

1. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พะเยา เขต 1 2.นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 3.นายจีรเดช ศรีวิราช พะเยา เขต 3 4.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เชียงใหม่ เขต 9 5.นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 6.นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร เขต 2 7. นายปกรณ์ จีนาคำ แม่ฮ่องสอน เขต 1 8. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 9.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ราชบุรี เขต 2 10.นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 3

11.นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 5 12.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 13.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3 14. นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สงขลา เขต 4 15.นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1 16.นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2 17.นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3 18.นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 19.นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เพชรบูรณ์ เขต 5 20.นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6

21.นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 22.นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 23. นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 24. นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 25.นายองอาจ วงษ์ประยูร สระบุรี เขต 4 และ26.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา

ส่วน สส.จากพรรคเล็กอีก 5 คน ประกอบด้วย 1.นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ 2.นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 3.กฤติทัช แสงธนโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่ 4.นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และ 5.นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคท้องที่ไทย


ขณะที่ “สันติ พร้อมพัฒน์” รองหัวหน้าพรรค เล่นบทเหยียบเรือสองแคม ประกาศว่าอยู่กับ “ลุงป้อม” ตัวเองไปกินข้าวที่บ้านป่าฯ แต่ส่ง เมีย-สส.เพชรบูรณ์ ไป กระทรวงเกษตรฯ ยืนข้าง “ร.อ.ธรรมนัส” คือ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ภรรยา นายสันติ และ สส.เพชรบูรณ์ เขต 5 รวมถึง นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3 นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 และ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 ก็มาร่วมด้วย

ภาพในทางการเมืองที่เห็นในตอนนี้คือ “ก๊วนผู้กอง“ ได้ประกาศแยกตัวเป็นอิสระจาก “หัวหน้าป้อม” เป็นที่เรียบร้อย เพียงแต่ยังต้องทนอยู่ร่วมพรรค เพราะถ้าออกมาเองโดยไม่ถูกขับออก ก็จะสิ้นสภาพ สส.ทันที แต่ถ้าถูกขับออก ก็พร้อมที่จะไปสังกัด “พรรคกล้าธรรม” ที่ส่ง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ไปตระเตรียมเป็นพรรคสำรองไว้แล้ว

หลังจากนี้ เราอาจเห็นภาพการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ เป็น 2 โผ คือ โผหนึ่งจาก “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรค อีกโผหนึ่งจาก “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในมุมของ พรรคเพื่อไทย ก็ยังต้องการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี 40 สส.อยู่ร่วมรัฐบาล เพื่อความมีเสถียรภาพ แต่เมื่อพรรคมีปัญหาภายในเช่นนี้ ก็ต้องเลือกระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ “ร.อ.ธรรมนัส” ว่าใครจะได้อยู่ แล้วใครที่ต้องไป

หากฟังจากน้ำเสียง และท่าทีของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงปัญหานี้ ก็พอจะเดาทิศทางได้
“ทักษิณ” บอกว่า ตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคใดเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้ตัวอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ตอนนี้พลังประชารัฐแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ระหว่าง พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค กับ ร.อ.ธรรมนัส เลขาธิการพรรค ใครเหมาะสมที่จะมาร่วมงานกับรัฐบาล “ทักษิณ” ตอบว่า ฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาตลอด ก็น่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้โทรหา ใช่หรือไม่ “ทักษิณ”ย้ำว่า "ไม่ได้โทรครับ"

อ้าว...แล้วข่าวที่ว่า“ลุงป้อม” ยกหู เคลียร์ใจกันไปแล้วนั้น เป็นการมโนไปเองหรือเปล่า “ทักษิณ” ตอบว่า " เอ่อ ไม่ทราบ อาจจะมีคนรอบข้างท่านบอกเล่าให้ฟังมั้ง

ส่วนที่มีข่าวระบุว่าจะไม่ให้ "ตระกูลวงษ์สุวรรณ" ร่วมรัฐบาล “ทักษิณ” ตอบว่า แล้วแต่กรรมการ ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง แค่เป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วได้ยินเฉยๆ

เมื่อถามว่าการเข้ามาของพรรคพลังประชารัฐ ควรเข้ามาทั้งพรรค หรือไม่ “ทักษิณ” หัวเราะ ก่อนจะกล่าวว่า " อยากร้องเพลงของ อัสนี วสันต์ ว่า ถ้าจะมาก็มาทั้งตัว"

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ หากพรรคพลังประชารัฐยังแตกกันอยู่อย่างนี้ ... “ทักษิณ”ตอบว่า ธรรมชาติรัฐบาลต้องมีเสียงให้มีเสถียรภาพ เพราะปัญหาประเทศมันเยอะมาก จึงต้องเปลี่ยนในเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และในโครงสร้าง ก็ต้องอาศัยการแก้ไขกฎหมาย อาศัยการสนับสนุนจากสภาฯ ฉะนั้นเราต้องมั่นใจว่า รัฐบาลมีเสียงพอ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของประเทศ

การรับพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล จึง "เป็นไปได้อยู่แล้ว"

เมื่อถามถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ที่อาจจะทำให้คนที่สุ่มเสี่ยงบางคน ไม่ได้มาดำรงตำแหน่ง “ทักษิณ” ตอบว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา ถ้าคณะกรรมการกฤษฎีกา มีลายลักษณ์อักษรออกมา ผ่านก็คือผ่าน ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน มิฉะนั้น นายกรัฐมนตรีก็จะอยู่ในสถานะแบบครั้งที่แล้ว ซึ่งถือว่าไม่ดี ดังนั้น คนที่สุ่มเสี่ยง ก็ไม่ควร ทุกคนก็ควรที่จะเสียสละ เพื่อให้การเมืองต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า คนที่จะมาช่วยงานรัฐบาล ก็คือคนที่ช่วยงานรัฐบาลมาตลอด แต่ “พล.อ.ประวิตร” ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ไปโหวตเลือก “น.ส.แพทองธาร” ควรที่จะเข้ามาอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล หรือไม่ “ทักษิณ”ตอบว่า... "สื่อลองถามท่านดู ว่าทำไมไม่มาโหวต"

ฟังจากการให้สัมภาษณ์ของ “ทักษิณ” แล้วประเมินได้ว่า คนตระกูลวงษ์สุวรรณ ทั้ง “ลุงป้อม-ลุงป๊อด” คงหมดโอกาสได้ไปต่อในรัฐบาลเพื่อไทย อยู่ที่จะพ่วงเอา “ ร.อ.ธรรมนัส ” ตกรถไปด้วยหรือไม่เท่านั้น

หรือการจัดตั้งรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ครั้งนี้ จะเป็นการปิดฉากทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ และปิดตำนานความยิ่งใหญ่ของ “ตระกูลวงษ์สุวรรณ” ไปด้วย