xs
xsm
sm
md
lg

กล้าเสี่ยง หักดิบ“ลุงป้อม” เขี่ยพ้นรัฐบาล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ  ชินวัตร  -  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา

หลังการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรจนได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็เริ่มมีข่าวออกมาหนาหูโดยอ้างคำพูดของคนที่ถูกรับรู้ว่าเป็น “เจ้าของพรรค” คือ นายทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลชุดใหม่ยื่นขาดจะไม่มีคน “นามสกุล วงษ์สุวรรณ” เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาด

ตามรายงานก่อนหน้านั้นมีการอ้างคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “นายใหญ่” ของพรรคเพื่อไทยระบุว่า นายทักษิณ ได้บอกกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่า รัฐมนตรีของพรรค จะต้องไม่มีคนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” รวมถึงต้องไม่มี ชื่อของ พล.ต.อ.พัชรวาท รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาร่วมใน ครม. “อุ๊งอิ๊ง” อย่างเด็ดขาด

ทำให้คาดว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรค จะขึ้นมานั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสันติ จะขน สส. ในสังกัด 10 คน ย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อาจตกเป็นของ ร.อ.ธรรมนัส ขณะที่อีกกระแสข่าวระบุว่า อาจเป็นของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ

จากนั้นข่าวดังกล่าวก็ไม่ได้จางหายไป เพียงแต่ว่ายังไม่มีใครยืนยันหนักแน่น แม้แต่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ก็ยังไม่ยอมพูดเรื่องนี้ตรงๆ แต่เป็นลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ และไม่ปฏิเสธ รวมไปถึงโควตารัฐมนตรีของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ยังออกมาในแนวทางที่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

จนกระทั่งล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถือว่าเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้ไม่ต่างจาก “มือขวา” ของ นายทักษิณ มีฐานะเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ได้กล่าวแบบ “ไม่ไว้หน้า” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในทำนองว่า “ถ้าไม่อยากอยู่ ก็ไม่ต้องอยู่” อะไรประมาณนั้น

เมื่อถามว่าได้มีการพูดกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่กล้า เพราะเห็นว่าอารมณ์ไม่ดี

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชารัฐจะไม่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้ไปถามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่ายังโอเคหรือเปล่า เห็นว่าท่านไม่สบายใจเรื่องอะไรตนก็ไม่รู้ แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับท่าน หัวหน้าพรรคก็ต้องไปเคลียร์กับกรรมการบริหารภายในพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไร หากภายในพรรคมีปัญหาก็ต้องไปเคลียร์กันให้จบภายใน

ถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยติดใจหรือไม่ที่พลเอกประวิตร ไม่ยอมไปโหวตเลือกนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรมระบุว่า “ก็ต้องถามใจท่านดู ที่ท่านไม่ไปโหวตเพราะว่าท่านไม่อยากร่วม หรือคิดว่าพอแล้ว ก็ตัดสินใจได้”

คำตอบแบบนี้ของ “ผู้จัดการรัฐบาล” ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง “สายตรง” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ก็พอเห็นภาพชัดเจนว่า “มีอารมณ์” ประมาณไหน นาทีนี้ถือว่า “ไม่แคร์” กันแล้ว

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” แล้วก็ถือว่าสามารถหาสาเหตุมาสนับสนุนอารมณ์ “แตกหัก” แบบนี้กันได้ไม่ยาก เริ่มจากการโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมปีที่แล้ว ในตอนนั้น “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมกับ ส.ว.ในส่วนของเขาก็พร้อมใจไม่โหวตให้ ขณะเดียวกันยังมีข่าวเดิมเกมช่วงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีขึ้นมาประกบอีก

จากนั้นก็มีรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะ “สะสมกำลัง” ของ พล.อ.ประวิตร มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับมีการเอ่ยปากว่า “คนบ้านป่าทำให้วุ่นวาย”

อาการปีนเกลียวยังเกิดขึ้นเรื่อยมา ล่าสุดไม่นานมานี้ “ลุงป้อม” ยังอ้าแขนรับ “พ่อลูกอยู่บำรุง” รับ นายวัน อยู่บำรุง ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาเข้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็เปิดศึกท้าทาย นายทักษิณ แบบไม่ไว้หน้า จนล่าสุดที่ทำให้ทุกอย่าง “ขาดผึง” ก็น่าจะมาจากการที่ “ลุงป้อม” ไม่ยอมไปโหวตให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมๆกับ ร.ต.อ.เฉลิม นั่นแหละ นอกเหนือจากนั้นยังไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเลยสักครั้งเดียว แม้กระทั่งที่พรรคพลังประชารัฐเป็นเจ้าภาพเขาก็ไม่ปรากฏตัว

อย่างไรก็ดีกรณีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นภาพเชิงซ้อนในลักษณะที่แปลกแยก เพราะมันไม่ใช่เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรค แต่เป็นความไม่ลงรอยระหว่าง “กลุ่ม” เท่านั้น เพราะยังมีอีกกลุ่มในพรรคที่ยังยินดีกับพรรคเพื่อไทย และ นายทักษิณ ยังมีความต้องการร่วมรัฐบาล มีความสุขอยู่กับเก้าอี้รัฐมนตรี อย่างเช่น ทีมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค จนมีข่าวว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าเขาจะยกทีมเข้าพรรคเพื่อไทย และเวลานี้ถือว่ามีการทำกิจกรรมร่วมกันมาตลอด ดังนั้นทำให้มีการมองกันว่า การวางตัวรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐจะมีการ “เขี่ยทีมลุงป้อม” ออกไปเท่านั้น

ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากสถานะทางการเมืองเวลานี้อาจมองว่า พรรคเพื่อไทย “ถือไพ่เหนือกว่า” และกุมสภาพได้เบ็ดเสร็จหลังจาก โหวตให้ “อุ๊งอิ๊ง” ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 319 เสียง เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก และแม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ยัง “งดออกเสียง” ถือว่า มีนัยยะสำคัญยิ่ง ความหมายส่อไปในทาง “รอร่วมรัฐบาล” แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งพรรค แต่ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่กุมอำนาจบริหารในพรรคเวลานี้ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 20 เสียงก็แล้วกัน สำรองเป็นอะไหล่เอาไว้

จะด้วยที่ว่าเวลานี้ตัวเอง “เหนือกว่า” ทุกทาง ฝ่าย พล.อ.ประวิตร ที่เวลานี้ “พลาดท่า” เก็บอารมณ์ไม่อยู่กรณี “หยุมหัว” นักข่าว ทำภาพไม่เหมาะประดังเข้ามาอีก มันก็ได้จังหวะที่ต้อง “กำจัด” ออกไปให้พ้นทางเสียที เป็นการ “ลด”ภัยคุกคามในภายหน้า ดังนั้นเมื่อสัญญาณชัดขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะมั่นใจได้ว่า “ทีมลุงป้อม” ต้องปลิวพ้นจากคณะรัฐมนตรีในชุดของ “อุ๊งอิ๊งค่อนข้างแน่

แต่ขณะเดียวกันอย่าเพิ่งดูเบา “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอันขาด เพราะระดับ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้วเหมือนกัน อย่างน้อยก็ให้สังเกตความบังเอิญที่เมื่อไม่กี่วันก่อนทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ทำหนังสือขอดู “ภาพวงจรปิดชั้น 14” ของโรงพยาบาลตำรวจ ในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร นอนรักษาตัวอยู่ที่นั่น มันช่างเป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจทีเดียว ให้จับตาดูให้ดีว่าจะมีเหตุการณ์ “บางอย่าง” เกิดขึ้นตามมาหรือไม่

และก็เป็นเรื่องบังเอิญตามมาอีก เพราะล่าสุด พล.อ.ประวิตร ก็ย้ำว่ายืนยันยังร่วมรัฐบาล พร้อมกับมีรายงานว่าได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีในโควตาของพรรคเรียบร้อยแล้ว โดยยังให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายยังอยู่ที่เดิมคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และมี นายชัยวุฒิ ธนคมานุสรณ์ แกนนำของพรรคมาเป็น รมช.สาธารสุข หากเป็นตามนี้จริงมันก็ย่อมไม่ธรรมดา และเหมือนกับว่า “ลุงบ้านป่า” ยังมีไพ่เด็ดในมือไว้ต่อรอง โดยเฉพาะ “วงจรปิดชั้น 14”หรือเปล่า ไม่จนมุมง่ายๆ

ดังนั้นแม้ว่าภายในวันที่ 20 สิงหาคมนี้จะเป็นเส้นตายที่ให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งตามรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นโควตาเดิม แต่บางพรรคอาจเปลี่ยนคนเข้าไปนั่ง แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่แม้จะพยายามต่อรองแลกเปลี่ยนบางกระทรวงสำคัญ แต่เชื่อว่าในที่สุดก็ไม่น่าเปลี่ยนมากนัก แค่สับเปลี่ยนคนใหม่หมุนเวียนเข้ามาเท่านั้น แต่ที่ต้องจับตาก็คือจะกล้าหัก เขี่ย“ทีมลุงป้อม” ให้หลุดไปทั้งยวงหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์”คนนี้แม้ว่าจะเสียศูนย์ไปบ้าง แต่ใช่ว่า “ตะเกียงไร้น้ำมัน” !!


กำลังโหลดความคิดเห็น