วันนี้(18 ส.ค.)ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานยุทธศาสตร์และประธานกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์ SME ไทย เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ท่านที่ 31 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถ และถือว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับการเข้ามาบริหารประเทศในครั้งนี้ ซึ่งสถานการณ์ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง (SMEs) ล่าสุดนั้นหลายรายได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจฐานรากที่หดตัวลง สิ่งสำคัญที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ได้นั้นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล "พรรคเพื่อไทย" ที่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้จากการเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในครั้งนี้นั้นถือเป็นการสร้างความมั่นใจของ SMEs ที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อให้ SMEs เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงจะยกระดับ SMEs ให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างเต็มความสามารถ
ดร.ณพพงศ์ กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ยังคาดว่าภายในระยะ 1-2 ปี จากนี้ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจฐานรากจะดีขึ้นได้เป็นลำดับ ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะสามารถเดินบนเส้นทางการเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกเหนือจากนั้นแล้วยังคงต้องติดตาม ครม.ชุดใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการบริหารประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่า นโยบายต่างๆ ที่จะออกมานั้นจะส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้สิ่งที่ SMEs มีความต้องการในระยะสั้นถึงระยะยาวนั้น ประกอบด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่คำนึงถึงฐานรากมากขึ้น รวมถึงมาตรการลดต้นทุน ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เพื่อให้มีกำลังซื้อสูงขึ้น และมาตรการเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำและการแก้ไขหนี้ทั้งระบบอย่างเป็นระบบ และมาตรการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และมาตรการแก้ไขปัญหากฎหมายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคกับการดำเนินธุรกิจของ SMEs และสุดท้ายคือมาตรการปกป้องเศรษฐกิจไทยจากทุนข้ามชาติ
"ด้วยความมุ่งมั่นของผมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะดึงอุปสงค์ให้เพิ่มขึ้น และผมยินดีเป็นอย่างมาก ที่ น.ส.แพทองธาร ได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ภาพรวมของประเทศไทยจะดีขึ้น เศรษฐกิจทุกส่วนจะฟื้นตัว และ GDP จะขยายตัวอย่างชัดเจน" ดร.ณพพงศ์ กล่าว