ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ อุ๊งอิ๊ง=ทักษิณมาเอง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31
พลันที่ “เศรษฐา ทวีสิน” หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยมติ 5-4
หลังจากนั้น ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 71 ก็คึกคักขึ้นมาทันที เพราะบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “สันติ พร้อมพัฒน์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไปเป็นตัวแทน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ มีทั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค รวมทั้ง “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างก็ตรงดิ่งเข้าพบ“ทักษิณ ชินวัตร” ที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธว่า เขาคือเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง
ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีเสียงสส.มากสุด เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ถูกสอยพ้นตำแหน่งนายกฯ ก็เป็นความชอบธรรมที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอ แคนดิเดตนายกฯของพรรคที่ยังเหลืออยู่ คือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ กับ “ชัยเกษม นิติสิริ” อดีตอัยการสูงสุด คนใดคนหนึ่ง ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31
แล้วก็มีข่าวคอนเฟิร์มออกมาว่า “ทักษิณ” จะส่ง “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ โดยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าร่วมหารือ ก็ไม่มีใครคัดค้าน ...ขณะที่เสียงวิจารณ์จากคนนอกมองว่า เป็นการตั้งนายกฯ “ต่างตอบแทน” เพราะ ชัยเกษม เป็นนักกฎหมาย ที่มีความใกล้ชิด เกื้อกูลกันมานานกับครอบครัวของทักษิณ
ถึงกระนั้นเพื่อให้ดูเป็นพิธีการว่าเป็นเรื่องของพรรค ไม่ใช่คำสั่งการของทักษิณ จึงบอกว่าจะต้องมีการของความเห็นจากที่ประชุมสส.ของพรรคก่อน จากนั้นก็ขอมติจากกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 15 สิงหาคม ก่อนที่จะส่งชื่อไปโหวตในสภาฯ ในวันที่ 16 สิหาคม
แต่แล้วในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย กลับเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” ว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ มากกว่า “ชัยเกษม” เพราะเป็นหัวหน้าพรรค เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ผ่านมาก็ได้ลงพื้นที่ พบปะประชาชน น่าจะมาทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า “ชัยเกษม” ที่มีปัญหาสุขภาพ และมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติบางประการ ... เมื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ตามที่ สส.ของพรรคเสนอ
จากนั้นทั้ง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รับกษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”รักษาการรองนายกฯ และรมว.คมนาคม “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รักษาการรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการ รมว. ยุติธรรม “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนา “อนุทิน ชาญวีรกูล” รักษาการรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “วราวุธ ศิลปอาชา” รักษาการ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา “อรรถกร ศิริลัทธยากร” รักษาการ รมช. เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็มาร่วมในการแถลงข่าว เปิดตัว “ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่”
ทุกคนต่างให้สัมภาษณ์ว่า สส.ในพรรคของตนเองพร้อมโหวตให้ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16ส.ค.นี้
และหาก “แพทองธาร” ได้รับการโหวตให้ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ก็จะเป็นนายกฯที่มีอายุน้อยที่สุดของไทย คืออายุเพียง 37 ปี เป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 ของไทย และเป็นนายกฯคนที่ 4 ของเครือญาติ ตระกูลชินวัตร ต่อจาก ทักษิณ ชินวัตร -สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แม้ว่าแต่ละคนจะมีบทจบที่ไม่สวยนัก แต่นั้นถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ทั้งทักษิณ และ แพทองธาร ต้องสำเหนียก
การหักมุม เปลี่ยนตัวในนาทีสุดท้าย จาก “ชัยเกษม นิติสิริ” มาเป็น “แพทองธาร ชินวัตร”นั้น ว่ากันว่า “ทักษิณ” ต้องการใช้โอกาสนี้ สร้างความแข็งแกร่ง สั่งสมบารมีในทางการเมืองให้กับลูกสาวคนเล็กที่เป็นทายาททางการเมือง เพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีพรรคประชาชน เป็นคู่แข่งสำคัญ เนื่องจากกุมฐานเสียงคนรุ่นใหม่ จึงต้องเอาคนรุ่นใหม่มานำทัพสู้ศึก
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็กำลังจะพ้นโทษ ในปลายเดือนสิงหาคมนี้แล้ว และเขาจะต้องคอยประคับประคองอยู่เบื้องหลัง “อุ๊งอิ๊ง” อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นยุคของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” หรือยุคของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ล้วนมีเงาของเขาทาบทับอยู่ คงจำกันได้ กับสโลแกนว่า “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ”
วันนี้เมื่อ “แพทองธาร” ขึ้นเป็นนายกฯ จึงไม่ต่างอะไรกับ “ทักษิณ” ได้ขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 31 ตัวจริง
++ ถอดหัวโขนนายกฯ"เศรษฐา"เปลี่ยนโปรไฟล์คู่เพื่อนรู้ใจ "หมอมิ้ง" กลั้นสะอื้น-"สุริยะ" เสียน้ำตาเสียดาย
หลังจากไม่ได้ไปต่อ กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี วันแรกที่พ้นจากตำแหน่งหลายๆ คนก็ยังให้ความสนใจ “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งเจ้าตัวเมื่อวานนี้ (15ส.ค.) มีความเคลื่อนไหวสบายๆ โดยที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เห็นจะเป็นการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์โซเชียลมีเดียส่วนตัว ทั้่งเฟซบุ๊ก และแพลตฟอร์มทวิต X เป็นภาพนั่งยิ้มเคียงข้างกับสุนัขเพื่อนรู้ใจสายพันธ์บูลเทอร์เรียหน้าตาน่ารัก
แน่นอนว่า ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ให้กำลังใจและแสดงความขอบคุณเศรษฐา ที่ตลอดเกือบ1ปีที่ผ่านมา ทำหน้าที่นายกฯได้อย่างน่าชื่นชม
หลายๆ คนเห็นว่า เศรษฐา เป็นนายกฯ ที่ขยัน ทำงานหนัก เป็นแบบอย่างที่ดี เห็นได้จากการทำงานไม่มีหยุด เสาร์-อาทิตย์ ลงพื้นที่ในต่างจังหวัดอยู่ตลอดเวลา
ส่วนบรรดานักการเมืองที่ร่วมงานใกล้ชิดกับ “เศรษฐา”ก็แสดงความรู้สึกผ่านสื่อเช่นกัน ว่ากันว่า บางคนให้สัมภาษณ์อย่างสะเทือนอารมณ์ ด้วยความเสียดาย
ดังเช่น “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฟังว่าระหว่างให้สัมภาษณ์พูดถึงความรู้สึกที่ได้ไปนั่งเป็นตัวแทนเศรษฐา ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกลั้นสะอื้น และมีน้ำตาคลอๆ ก่อนจะบอกว่า จากที่ทำงานใกล้ชิด เศรษฐา แม้จะสิ้นสุดบทบาทในฐานะนายกฯ แต่เชื่อว่า ภารกิจของเศรษฐา ที่มีต่อสังคมจะยังมีตลอดไป ซึ่งได้พูดคุยกันตลอด
ขณะที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.คมนาคม บอกตัวเองเป็นเหมือนส.ส.เพื่อไทยหลายคนที่ “เสียน้ำตา” กับการยุติบทบาทนายกฯ ของเศรษฐา
“สุริยะ” เล่าว่า เพราะได้ทำงานใกล้ชิด “เศรษฐา” จึงรู้ดี ตอนที่เศรษฐาเข้ารับตำแหน่ง บอกว่า จะทำงานไม่มีวันหยุดหย่อนซึ่งก็ทำตามที่พูด ลงพื้นที่ดูปัญหาเมื่อเข้าใจปัญหาก็แก้ปัญหาจนมีผลงานเป็นรูปธรรม
อย่างสินค้าเกษตรหลายตัวมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์โดยตอนเข้ามาเป็นนายกฯเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำมาหลายปี
นี่เป็นความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ และคนเคยทำงานใกล้ชิด “เศรษฐา”ที่แสดงความรู้สึกหลังจากเศรษฐาพ้นจากตำแหน่ง
จากนี้ ความเคลื่อนไหวของ “เศรษฐา” ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯมาจวนจะครบปี เหลือไว้แต่ภาพจำอดีตนายกฯ นั้นจะกำหนดเส้นทางชีวิตตัวเองในบทบาทไหน อย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไป