"นิกร" เผย กมธ.ประชามติ เคาะวันออกเสียงเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส.-เลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนเสียงข้างมากต้องได้สูงกว่าคะแนนโนโหวต ต้องเผยแพร่ข้อมูลให้ปชช.เข้าใจก่อนลงคะแนน อย่าชี้นำ
วันนี้(15 ส.ค.) นายนิกร จำนง เลขานุการกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ... พ.ศ....) แถลงว่ากมธ. ได้พิจารณาร่างดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือกำหนดวันออกเสียงประชามติ ให้เป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือวันเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระ โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา หรือคณะรัฐมนตรีมีมติ แต่หากพิจารณาเห็นว่าวันดังกล่าว อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาจกำหนดให้วันออกเสียงเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งก็ได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า150 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีมีมติ แล้วแต่กรณี
ส่วนค่าใช้จ่ายในการออกเสียงประชามติ ให้ครม. และ(กกต.) ร่วมกัน การกำหนดค่าใช้จ่าย โดยต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระด้านงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สำหรับรูปแบบการออกเสียง ให้ใช้บัตรออกเสียง หรือการออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือโดยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธีอื่น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กกต.กำหนด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการใช้สิทธิออกเสียงประชามติ
ส่วนการออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงไม่แสดงความคิดเห็น
นายนิกร กล่าวว่า นอกจากนี้กมธ.ยังกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมุ่งให้ประชาชน มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีการออกเสียง และไม่มีลักษณะเป็นการชี้นำ พร้อมทั้งเผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนการออกเสียงให้ผู้มีสิทธิออกเสียงได้รับทราบอย่างทั่วถึง และจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่จัดทำประชามติ โดยอิสระและรอบด้านเท่าเทียมกันทั้ง ผู้ที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบ หรือมีความเห็นทางใดทางหนึ่งในเรื่องที่จัดทำประชามติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กกต.ประกาศ
ส่วนเขตออกเสียงจะใช้เขตประเทศ เขตจังหวัด เขตอำเภอ เขตตำบล เขตหมู่บ้าน เขตตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเขตอื่นเป็นเขตออกเสียงก็ได้
ส่วนหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กกต.กำหนด แต่หากกรณีพื้นที่ใดมีการเลือกตั้ง สส.หรือเลือกตั้งท้องถิ่น ในวันเดียวกันให้ถือเอาหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งนั้นเป็นหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียงในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งให้กกต.ในการตั้ง ผอ.การออกเสียงประจำเขตออกเสียง แทนจากเดิมที่ให้ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดเป็นผอ.การเสียงประจำเขต