"เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช.คัดสำเนาคำวินิจฉัยศาล รธน.ปมสั่ง "เศรษฐา" พ้นนายกฯ เร่งทำสำนวนส่งศาลฎีกาวินิจฉัยปมฝ่าฝืนจริยธรรม
วันนี้(15ส.ค.)นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักกฎหมาย ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง ป.ป.ช.ขอให้เร่งส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาให้พิจารณาวินิจฉัยว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.จะเป็นเหตุให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) หรือไม่
โดยได้แนบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า "ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 1 (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) แล้วรัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทางคณะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1)โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป"
นายเรืองไกลกล่าวว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน ป.ป.ช.ด้วย จึงมีความจำเป็นต้องขอให้ ป.ป.ช.คัดสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งเอกสารเพื่อใช้เป็นสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.เพื่อเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไป
ทั้งนี้การยื่นร้องกรณีของนายเศษฐาไปที่ ป.ป.ช. เนื่องจากเห็นว่าหากในเวลาต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยตามศาลรัฐธรรมนูญก็จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดไปด้วยและตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้มีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป
นายเรืองไกรยังเปิดเผยอีกว่า ในวันนี้เวลา 13.00 น. ตนจะเข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต.ในคำร้องที่ยื่นให้ กกต. ตรวจสอบรัฐมนตรี 2 รายถือหุ้นเกินร้อยละ 5 หรือไม่ ซึ่งหากถูกวินิจฉัยตามที่กล่าวหา จะต้องเว้นวรรคสองปีตามมาตรา 160 (8) แม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะพ้นทั้งคณะแต่กรณีนี้จะตกไปไม่ได้