ข่าวปนคน คนปนข่าว
++เปิดรายชื่อ 7 แคนดิเดต ว่าที่นายกฯ คนที่ 31 หลัง “เศรษฐา” พ้นตำแหน่ง เคาะ“ชัยเกษม” เสียบ
ในที่สุดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) จากกรณีนําความกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เคยถูกศาลฎีกาสั่งจําคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอํานาจศาล
โดยสรุป คำตัดสินของศาลฯที่ระบุคือ... เป็นบุคคลที่กระทําการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ...
หลังศาลมีคำตัดสิน “เศรษฐา” บอกว่า น้อมรับคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลฯ ยืนยันตลอดเวลาเกือบ 1 ปี ที่ทำงานมา ได้ทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง มีความตั้งใจจริง ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ และไม่ได้ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งของทุกคน แต่ยอมรับว่า เสียใจที่คำวินิจฉัย บอกว่า “ไม่มีจริยธรรม” ยืนยันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ก็น้อมรับคำตัดสินของศาลฯ
เมื่อ“เศรษฐา” ต้องพ้นจากตำแหน่รัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ต้องสิ้นสุดไปด้วย เพียงแต่รัฐมนตรียังคงต้องทำหน้าที่ “รักษาการ” ต่อไป แต่นายกรัฐมนตรี พ้นตำแหน่งทันที โดยให้รองนายกรัฐมนตีคนที่ 1 ซึ่งก็คือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้ามารับช่วงต่อ
ขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 31 แทน “เศรษฐา ทวีสิน” โดยเร็วซึ่งตามกระแสข่าวบอกว่าจะมีขึ้นในวันที่ 16 ส.ค.นี้ โดยเลือกจากรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง ที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสส. ไม่น้อยกว่า 25 คน ซึ่งมีทั้งหมด 7 รายชื่อ จาก 5 พรรคการเมือง ประกอบด้วย
1. พรรคเพื่อไทย มี สส.จำนวน 141 เสียงได้แก่ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” อายุ 38 ปี และ “ชัยเกษม นิติสิริ” อายุ76 ปี
2. พรรคภูมิใจไทย มี สส. 71 เสียง ได้แก่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” อายุ 57 ปี
3. พรรคพลังประชารัฐ มี สส.40เสียง ได้แก่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” อายุ 79 ปี
4. พรรครวมไทยสร้างชาติ มีสส. 36 เสียง ได้แก่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อายุ 70 ปี และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อายุ 65 ปี
5. พรรคประชาธิปัตย์ มี สส.25 เสียง ได้แก่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อายุ 68 ปี
ในจำนวนแคนดิเดตนายกฯ 7 คนนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้ลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.66 และได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเหลือเพียง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีพรรคการเมือง หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใด ทาบทามในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ “ชัยชนะ เดชเดโช” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากมีเทียบเชิญให้ร่วมรัฐบาล ต้องกลับไปถามมติของกรมการบริหารพรรคก่อน ตอนนี้จึงยังตอบไม่ได้ว่า จะร่วมหรือไม่ร่วมหากมีการเทียบเชิญ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ขณะที่พรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปแล้ว และตอนนี้ สส.ได้ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ คือ พรรคประชาชน จึงไม่มีชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เมื่อพิจารณาจากรายชื่อแคนดิเดตนายกฯแล้ว “แพทองธาร ชินวัตร” ที่เคยถูกเบรกจาก “คุณหญิงอ้อ” ผู้เป็นมารดา ในช่วงตั้งรัฐบาลครั้งแรกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงตกเป็นของ “เศรษฐา ทวีสิน” แต่บัดนี้ล่วงเลยมาเกือบปีแล้ว ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่ “ชัยเกษม นิติสิริ” ก็มีข่าวมาตลอดว่ามีปัญหาสุขภาพมาระยะหนึ่งแล้ว
หากพ้นไปจากคนของพรรคเพื่อไทย คนอาจจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่นอกจากจะมีเสียงสส. 71 เสียงแล้ว ยังมีเสียงสว. อยู่ในมืออีกกว่า 100 คน
โดยเฉพาะเมื่อมีภาพออกรอบตีกอล์ฟร่วมกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เขาใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เกิดการคาดหมายว่าอาจมี “ดีลการเมือง” ที่สำคัญระหว่างสองคนด้วย แต่ “อนุทิน”ก็บอกว่า ทุกอย่างขอให้เห็นไปตามกติกา มายาท ในทางการเมือง
ส่วน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่งบ้านป่าฯ แม้จะมีโอกาส แต่คงน้อยนิด เพราะเพิ่งถูกออกปากเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเมืองที่วุ่นอยู่ทุกวันนี้ เพราะใคร
ในฐานะที่ พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีคะแนนเสียงมากสุดในขั้วนี้ เมื่อ “เศรษฐา” ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ ก็มีรายงานข่าวว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ได้โชว์บทบาทนายใหญ่ เรียกหัวหน้าพรรค-แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าหารือด่วน ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อวางตัวนายกฯ คนใหม่
โดยคนที่เข้าไปก็มีทั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “สันติ พร้อมพัฒน์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไปเป็นตัวแทน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ มีทั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค ก็ไปด้วย
หลังการหารือ มีรายงานว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทย จะประชุมพรรคอีกครั้งในวันนี้ ที่อาคารรัฐสภา ในเวลา 09.00 น. ก่อนที่จะเสนอชื่อต่อที่ประชุมวิปรัฐบาล ในเวลา 10.00 น.
เป็นอันว่าสถานการณ์ล่าสุดตอนนี้ เราอาจมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ
++ นักร้องกราบเรียน VS นักร้องรุ่นใหญ่ "แอ๊ด คาราบาว" ศีลเสมอกัน ทัวร์จัดให้ทั้งคู่!
ถึงคิวงานเข้านักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ ยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” จากวีรกรรมโพสต์แสดงความเสียใจกับพรรคก้าวไกล ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคเมื่อหลายวันก่อน
งานนี้เป็น “สนธิญา สวัสดี” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองตัวตึงเจ้าของฉายา “กราบเรียน” และ “นักร้องหิวแสง” ที่ชาวโซเชียลเอฟซี ของบรรดาคนบันเทิงมักจัดขบวนทัวร์ลงจอดบ่อยๆ เหตุที่ สนธิญา ชอบยื่นร้องเรียนศิลปินดารา-นักร้อง อยู่เรื่อยๆ มาจัดให้ แอ๊ด-คาราบาว บ้าง
ฟังว่า “สนธิญา” ไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ยื่นหนังสือเพื่อร้องตรวจสอบ และ ดำเนินคดี “แอ๊ด คาราบาว และบริษัท วอร์นเนอร์มิวสิค ประเทศไทย” ในฐานความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, หมิ่นระบบการทำงานศาล และหมิ่นต่อสถาบัน ตามมาตรา 112 โดยมี พ.ต.อ.ทศพร หงษ์ทอง ผกก.ฝอ.5 บก.อก.บช.น. ปฏิบัติหน้าที่ นายตำรวจเวรชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้รับหนังสือ
นักร้องตัวตึง “สนธิญา” บอกเหตุที่ต้องร้องนักร้องรุ่นใหญ่ เพราะในฐานะประชาชนคนไทย และ มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เห็นว่า การวิพากษ์วิจารณ์ โพสต์รูปภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขณะนั่งอ่านคำพิพากษายุบพรรคก้าวไกล และ ตัดแต่งรูปภาพ ที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้ข้อความหรือถ้อยคำที่ชี้นำ ไปในทางที่อาจทำให้สังคมสับสน และไม่เคารพ คำตัดสินของศาลศาลรัฐธรรมนูญ ของบริษัทค่ายเพลงชื่อดัง warner Music Thailand ตัวเองมองว่า พฤติกรรมดังกล่าวน่าจะมีความผิด ตาม ม.112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่าด้วยการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ส่วน “แอ๊ด คาราบาว” ที่โพสต์ข้อความออกสื่อ “สนธิญา” เห็นว่า แอ๊ด คาราบาว โพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้สังคมเกิดความสับสนและไม่เคารพคำตัดสินของศาลเช่นกัน
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จึงกราบเรียนร้องขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบและทำการไต่สวน ซึ่งความผิดอันเกี่ยวกับ มาตรา 112 และ พ.ร.บคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จึงต้องอาศัยตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญและมีอำนาจตามกฎหมายตรวจสอบและไต่สวน ให้เกิดความชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่
เมื่อนักร้องตัวตึง ร้องนักร้องรุ่นใหญ่ ผลจะเป็นอย่างไรนั้นก็คงต้องติดตาม
แต่ที่ไม่ต้องติดตามดูผลเลยก็คือ ทัวร์ชองชาวโซเชียลฯ ที่ลงจอดทั้ง “สนธิญา และ แอ๊ด คาราบาว” พลันที่เรื่องราวของสนธิญายื่นหนังสือร้องเรียน แอ๊ด คาราบาว แพร่ออกสื่อ
โดย สนธิญา โดนข้อหา “หิวแสง” จากชาวโซเชียลฯไปตามระเบียบ ส่วน น้าแอ๊ด เละกว่า ถูกวิจารณ์ว่าเป็นนักร้องเพื่อชีวิตตัวเองมากกว่า ไร้จุดยืนทางการเมือง กลับไปกลับมา แยกแยะเหตุผลผิดถูกไม่เป็น เพียงเพื่อต้องการขยายฐานธุรกิจน้ำเมาของตัวเองกับคนรุ่นใหม่สีส้ม ถึงกับไม่มีสติยั้งคิดก่อนจะโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจ กับพรรคก้าวไกลดังกล่าว
สรุปว่างานนี้ "ศีลเสมอกัน" น้าแอ๊ด ไม่ต้องให้สนธิญาร้องเรียน น้าก็ประจานตัวตนให้คนนินทา หมาดูถูกซะงั้น ส่วนสนธิญา ตอกย้ำฉายา "หิวแสง" นั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
