เมืองไทย 360 องศา
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องลุ้นระทึก และความไม่แน่นอนเกิดขึ้นแบบรุมเร้าเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย จนทำให้มีแนวโน้มออกมาในลักษณะ “ทรง” กับ “ทรุด” แม้ว่าผ่านมาเกือบปีแล้วที่เป็นรัฐบาล แต่ทุกอย่างแทบจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย ตรงกันข้ามมีแต่ความถดถอย โดยเฉพาะความนิยม ไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐบาล และพรรคยังไม่กระเตื้อง ยังส่งผลกระทบในทางลบ ลามไปถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่จะผลักดันให้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องเกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น
อย่างไรก็ดีในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเป็นใจแบบนี้ ทำให้ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ “ไม่ปกติ” เกิดขึ้น จาก นายทักษิณ ชินวัตร จนสามารถสังเกตได้ เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้มาประชุมส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่ไม่ต่างจากหัวหน้าพรรค หรือ “เจ้าของพรรค” กันเลยทีเดียว มีการปลุกเร้า สร้างขวัญกำลังใจ สร้างเป้าหมายชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเสร็จสรรพ ไม่เชื่อก็ลองฟังคำพูดของเขาก็ได้ ว่ามีเจตนาสื่อออกมาแบบไหน
มีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาที่อาคารชินวัตร 3 ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมแทนที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยก่อนการประชุม นายทักษิณ ได้เข้าไปทักทายพร้อมกล่าวกับ สส. ช่วงหนึ่งว่า วันนี้มาให้กำลังใจ สส.ในการทำพื้นที่ สิ่งที่พวกเราทำคือ การให้โอกาสกับประชาชน ซึ่งต่างจากพรรคอื่น ของเขาทุกคนต้องหัวเท่ากัน แต่ของเราคือ การสร้างอาชีพเท่ากัน ความเท่าเทียมของเขาคือ พ่อแม่ลูกเท่ากัน แต่ความเท่าเทียมของพรรคเพื่อไทย คือเรื่องของโอกาส คนไทยทุกคนต้องมีโอกาสอย่างเท่าเทียมในทุกมิติ ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ เรื่องปากทอง เมื่อคนมีโอกาสเท่ากันก็คิดว่าประชาชนจะให้โอกาสกับเรา
นายทักษิณ ระบุว่า เชื่อว่าหลักร้อยจะอยู่แค่สมัยนี้ ถ้าเราทำอีก 3 ปี พรรคเพื่อไทยจะได้ 200 ขึ้น ที่สำคัญเมื่อเป็นสส. ต้องรู้จักกตัญญูกับประชาชน ทุกครั้งที่ได้รับเลือกตั้งต้องไปดูแลประชาชน จากนี้ตนก็จะไปเยี่ยมเยียนประชาชนไปขอบคุณเขา แล้วจะคอยช่วยงานหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่หน้าตาเหมือนตน
อย่างไรก็ตามการสร้างโอกาสของพรรคเพื่อไทย จะประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มี สส.ที่ขยันลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน ขออย่าไปหวั่นไหวกับเอไอ ไม่ต้องกลัว เพราะเอไอทันสมัยพรรคเพื่อไทย ก็เป็นพรรคที่ทันสมัย มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำให้คนไทยเท่ากันด้วยโอกาส อีกพรรคชอบเอาความล้มเหลวมาสร้างคอนเทนต์
“วันนี้คนไทยอ่านแต่คอนเทนต์ที่สร้างจินตนาการมาจากความล้มเหลวของรัฐบาลก่อน สร้างแต่คอนเทนต์ให้ตรงใจแต่ทำจริงไม่ได้ แต่เพื่อไทยต้องทำให้คนไทยมีความเท่าเทียมกันในเรื่องของโอกาส และเราจะไม่ทิ้งคนที่มีดีเอ็นเอเพื่อไทย ที่สอบไม่ผ่านครั้งนี้ เราจะนำคนเหล่านั้นมาร่วมทำงานเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ” นายทักษิณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรดาสส.ที่ได้รับฟังต่างมีกำลังใจและพูดตรงกันว่า จะตั้งใจทำงานลงพื้นที่พบประชาชนรับฟังปัญหาของชาวบ้านมากยิ่งขึ้น
จะว่าไปแล้ว ครั้งนี้ถือว่า นายทักษิณ ได้เข้าพบปะกับส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นครั้งที่สองแล้ว คราวก่อน เป็นลักษณะแบบ วีดิโอคอล เข้ามา แต่ครั้งนี้ถือว่า“พิเศษ” กว่าครั้งก่อน เพราะเป็นการเข้าร่วมพูดจากันอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญยังเป็นการแสดงเป้าหมายทางการเมืองอย่างชัดเจน มีการพูดพาดพิงไปถึงฝ่ายตรงข้าม ความหมายก็คือ พุ่งเป้าไปที่พรรคประชาชน ที่เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคก้าวไกล ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้
อย่างที่รับรู้กันดีอยู่แล้วว่า พรรคเพื่อไทยกำลังต่อสู้กับคู่แข่งทางการเมืองใหม่นั่นก็คือ พรรคประชาชน ที่กลายพันธุ์มาจากพรรคก้าวไกลนั่นแหละ หลายคนคาดหมายว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างของพรรคนี้ หรือ “สองขั้ว” นี้เท่านั้น โดยที่พรรคเพื่อไทยอาจตกเป็นรอง จนต้องสูญเสียที่นั่ง ส.ส.เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก ซึ่งก็เป็นการคาดการณ์จากสถานการณ์ และบรรยากาศในเวลานี้
แน่นอนว่า สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องได้รับสัญญาณแบบนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็กลายเป็น“ตัวเร่ง” ให้เขาต้องรีบเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งลักษณะไม่ต่างจากอาการ“นั่งไม่ติด” หากล่าช้าคงไม่ทันการณ์แล้ว ในสภาวะที่ถดถอยทุกทาง ทั้งจากผลงานของรัฐบาลที่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ความไม่แน่นอนจากคดีถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน จากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่ต้องลุ้นระทึกกันจนวันสุดท้าย ทำให้ความมั่นใจ และขวัญของคนในพรรคไม่ค่อยดีนัก และส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย หากทุกอย่างยังเป็นแบบเดิม คงมองออกว่าผลจะออกมาแบบไหน
เมื่อโฟกัสมาที่ นายทักษิณ ชินวัตร แบบเน้นๆ ที่ต้องบอกว่า มีอาการนั่งไม่ติด เพราะ “ร้อนใจ” หากไม่รีบทำอะไรทุกอย่างน่าจะเลวร้ายลงกว่าเดิมแน่นอน คราวนี้จึงต้องออกมา “ก่อนกำหนด” เพราะตามกำหนดเขาจะพ้นโทษเป็นอิสระโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายในปลายเดือนสิงหาคม ก็ราววันที่ 21 สิงหาคม แม้ว่าที่ผ่านมาจะอยู่ในสถานะนักโทษที่ถูกพักโทษ แต่ก็ยังใช้ชีวิตในลักษณะ “นักโทษเทวดา” อยู่แล้วก็ตาม
ภาพการปลุกเร้าส.ส.ในพรรคเพื่อไทยคราวนี้ ลักษณะไม่ต่างจากการที่เขากลับมา “คุมพรรค” อย่างเต็มตัวอีกครั้งเพื่อ “นำทัพ”สู้ศึกอย่างชัดเจน ไม่ใช่ลักษณะบงการอยู่หลังม่านเหมือนแต่ก่อนแล้ว การออกมาดังกล่าวยังเป็นการประกาศให้เห็นอีกครั้งว่า เขาพร้อมแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะได้เห็นภาพการออกงานคู่กันระหว่าง “พ่อ ลูก” คือ นายทักษิณ ชินวัตร กับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เดินสายไปทั่วประเทศ ซึ่งเขาก็ได้ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าจะได้เห็นแน่
ดังนั้น หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เรียกประชุมส.ส. และสมาชิกพรรคคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยคราวนี้ นอกจากเป็นการ “ปลุกขวัญ” ให้กลับมาฮึกเหิม เตรียมพร้อมสำหรับการสู้ศึกครั้งต่อไป ซึ่งเป็นการ “เร่ง” นำทัพก่อนกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจและรอไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันการออกโรงแบบนี้มันเหมือนกับการ “ทุ่มสุดตัว” หากพลาดแล้วพลาดเลย กู่ไม่กลับแล้ว
อย่างไรก็ดี หากมองจากภายนอก ตามสภาพความเป็นจริง ทางการเมือง รวมไปถึงสภาพสังคมและบรรยากาศที่เป็นอยู่ มันก็ยังเป็นไปได้ยาก ที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จเหมือนเมื่อก่อน เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว!!