มาเรื่อยๆ กรรมตาม "โจ๊ก" สุรเชชษฐ์ ไม่พัก! ผิดวินัยร้ายแรงจ่อคิว "คริษฐ์" ยอมคาย ขอตายคนเดียวก็ช่วยไม่ได้ ** “เศรษฐา” บอกเจตนาบริสุทธิ์ ถูกถอดถอนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ไม่มีวอร์รูม ไม่มีแผนสองรองรับ

ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ มาเรื่อยๆ กรรมตาม "โจ๊ก" สุรเชชษฐ์ ไม่พัก! ผิดวินัยร้ายแรงจ่อคิว "คริษฐ์" ยอมคาย ขอตายคนเดียวก็ช่วยไม่ได้

"โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมลูกน้องคนสนิทได้แก่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร .ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว และ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร กำลังจะถูกพิจารณาโทษ "กระทำผิดวินัยร้ายแรง" จากที่ไปเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ในเร็วๆนี้

ข่าวว่าวันพฤหัสฯ ที่ 15 ส.ค.นี้ เวลา 13.00 น. คณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมี “พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช” รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะ จะเรียกประชุมความคืบหน้าทางคดี ที่ห้องประชุม กองบังคับการปราบปราม โดยวันดังกล่าวจะเป็นการกำหนดวันรับทราบข้อกล่าวหาของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กับ พวก ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในสิ้นเดือนนี้

สำหรับความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบสวนคืบหน้าไปแล้ว 90% ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ คาดว่าคณะกรรมการฯจะพิจารณาและได้ข้อสรุปภายในวันเดียวกันนี้

งานนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า “พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ” ลูกน้องคนสนิทเป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียวที่ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า กระทำผิดเพียงผู้เดียว

เรียกว่า “พ.ต.ท.คริษฐ์” ยอมคายความจริง และยืดอกขอตายเพียงพอลำพัง ซึ่งน่าจะหวังว่า ลูกพี่โจ๊ก และพวกจะพ้นผิดไปได้
แต่คนคำนวณไม่สู้พยานหลักฐานในคดี ที่ว่ากันว่า หนาแน่นเพียงพอ แม้ “พ.ต.ท.คริษฐ์” จะขอตายเดี่ยว ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ถูกกล่าวหารายอื่นพ้นผิดได้ คำสารภาพของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จึงเป็นเพียงข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เท่านั้น
นี่นับว่ากรรมตาม "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่พักจริงๆ

ตามติดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่แพ้อุทธรณ์

เมื่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พิจารณาคำร้องคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และ กฎ ก.ตร. กำหนด และเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

จากนั้นก็ถูก ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์ จากกรณีฟอกเงินผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต

แว่วว่า กรณีคดีพัวพันเว็บพนัน หาก "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และ พวก ถูกชี้ว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง งานนี้ไม่ใช่แค่ "ให้ออก" จากราชการ แต่จะถึงขั้น "ไล่ออก" ช้อยเก็บฉาก รูดม่านปิดชีวิตราชการแบบศพไม่สวยแน่

และพ้นจากกรรมนี้ ก็ใช่ว่า “โจ๊ก” จะหมดกรรม ยังมีอีกหลายกรรมหลายวาระที่รออยู่..ส่วนจะเป็นกรรมไหนบ้างก็ต้องติดตามกันต่อไป.


++“เศรษฐา” บอกเจตนาบริสุทธิ์ ถูกถอดถอนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ไม่มีวอร์รูม ไม่มีแผนสองรองรับ

ลุ้นระทึกบ่ายวันนี้ (14 ส.ค.) ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีสิ้นสุด หรือไม่ จากกรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

“เศรษฐา” บอกว่าจะไม่ไปฟังคำวินิจฉัยที่ศาลฯด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ จึงส่ง “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปฟังแทน

ผลการพิจารณาจะออกหัว ออกก้อย “เศรษฐา” บอกว่า เมื่อส่งคำแถลงปิดคดีไปแล้ว หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เพราะได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง เชื่อว่าศาลท่านน่าจะรับฟังคำชี้แจง เพราะเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์

ไม่มีการตั้งวอร์รูม หรือเตรียมแผนสอง ไว้รองรับแต่อย่างใด

“ถ้าผลออกมาเป็นบวก ผมก็เดินหน้า ทำงานต่อไป แต่ถ้าผลออกมาเป็นลบ คนที่จะมารักษาการนายกฯ ก็นำแผนงานที่ผมได้เซตเอาไว้ ไปพิจารณา และปรับปรุงตามความเหมาะสม ผมไม่ได้เป็นการแสดงความมั่นใจ หรือไม่มั่นใจอะไร เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว”

“วิษณุ เครืองาม ” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี บอกว่า ถ้าผลการพิจารณาของศาลฯ ออกมาเป็นลบ ถูกศาลฯ ตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย โดยรัฐมนตรียังสามารถรักษาการได้ แต่นายกฯ ไม่สามารถรักษาการได้ ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที และต้องให้รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทน

จากนั้น ก็จะเป็นกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเลือกจากแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่ในบัญชีที่เสนอต่อกกต.ในช่วงเลือกตั้ง และต้องมีเสียงสส.สนับสนุนของพรรคนั้นเกิน 25 เสียง

ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ก็จะเหลือแคนดิเดตนายกฯ อยู่ 2 คน คือ “แพทองธาร ชินวัตร” กับ “ ชัยเกษม นิติสิริ” ส่วน “เศรษฐา” จะยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่จะมาร่วมเป็นตัวเลือกอีกครั้งได้หรือไม่ “วิษณุ” บอกว่า ยังมีโอกาส ยังมีช่องอยู่ แต่ต้องฟังคำวินิจฉัยก่อนว่า นายกฯพ้นจากตำแหน่งไปด้วยเหตุ ตามมาตราใด

ถัดจากนั้นก็เป็น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “ ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

ส่วนพรรคก้าวไกล ถูกยุบไปแล้ว ไม่มีแคนดิเดตนายกฯแล้ว

พิจารณาไปทีละคน “แพทองธาร” นั้นข่าวว่า “คุณหญิงอ้อ” เคยเบรกไว้ตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา ส่วน “ชัยเกษม” ก็มีปัญหาสุขภาพ

โอกาสจึงน่าจะตกเป็นของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ตามปฏิญญาเขาใหญ่ มีการออกรอบตีกอล์ฟ “ทักษิณ ชินวัตร” โชว์สื่อเมื่อเร็วๆนี้ ส่วน “ลุงป้อม” แห่งบ้านป่าฯ คงยาก เพราะเพิ่งถูกออกปากเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเมืองที่วุ่นอยู่ทุกวันนี้ เพราะใคร
ส่วนถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นบวก “เศรษฐา” รอด รัฐบาลก็เดินต่อไป คนที่ “ได้หน้า” ก็คือเนติบริการ “วิษณุ เครืองาม” ที่เข้ามาช่วยดูแลด้านกฎหมาย และหลังจากนั้นก็จะมีการปรับครม. เพราะทางพรรคร่วมกระทุ้งมาแล้ว รวมทั้งคนในพรรคเพื่อไทยเอง ก็กระทุ้งกันไม่เบาเช่นกัน

เริ่มจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่งชื่อหรา มาแล้วว่า จะให้ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เข้ามาเป็นรัฐมนตรีตามโควตาของพรรค หลังจาก "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" รมช.คลัง ลาออกไปตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ขณะที่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ก็รอคิวเป็นรัฐมนตรีอยู่

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็มีคลื่นแรงโหมกระหน่ำ พยายามแซะ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชายลุงป้อม ออกจากตำแหน่ง โดย “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.สาธารณสุข เล็งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ ส่วน “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นั้นถ้าได้ควบรองนายกรัฐมนตรี ก็จะดูดีขึ้นไม่น้อย

สำหรับพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ก็เห็นว่าเป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ “รัฐมนตรีต่างตอบแทน” ได้นั่งเก้าอี้เสนาบดี ควรถึงเวลาปรับเปลี่ยนให้คนอื่นบ้าง เป้าหมายที่จะถูกปรับออกจึงเล็งไปที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม กับ “เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ตามเคย ซึ่งการปรับครม.คราวที่แล้วรอดมาได้หวุดหวิด โดยทั้งคู่ยังไม่ได้ลาออกจากการเป็น สส. ถ้าถูกปรับออกจากระฐมนตรี ก็ยังไปทำงานสภาฯได้

ก็ต้องติดตามว่า เมื่อ “เศรษฐา”รอด และมีสัญญาณปรับครม. บรรยากาศการเมืองจะคึกคัก และวุ่นวายแค่ไหน