xs
xsm
sm
md
lg

กรมชลฯ เฝ้าระวังรับมือ เกาะติดสถานการณ์น้ำเข้ม จับตาฝนเหนือ-อีสาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 กล่าวกรมชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือน้ำหลาก วางแผนเชิงรุก เตรียมพร่องน้ำในอ่างเก็บทั่วประเทศ จับตาปลายฤดูฝนเหนือ-อีสาน ยันอุปกรณ์มีพร้อมใช้ เผยบูรณาการร่วมจังหวัด-ท้องถิ่น แจ้งเตือนอพยพได้ทันท่วงที

นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากกรณีมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยในช่วง 12-21 ส.ค. มีกำลังแรงขึ้น ทำให้หลายพื้นที่ต้องระมัดระวังฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก ทางกลุ่มได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากทั่วประเทศแล้ว โดยในด้านการบริหารจัดการน้ำ ได้มีการสั่งการให้ติดตามและเฝ้าระวังระดับน้ำตามลุ่มน้ำต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด มีการวางแผนรับมือเชิงรุก ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมช่วงปีที่ผ่านมา นำมาวิเคราะห์ วางแผนป้องกันอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าสถานการณ์ฝนปีนี้ อาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ กรมชลประทาน ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ปีนี้ก็ยังไม่พบสัญญาณการก่อตัวของพายุ แต่ได้มีการเน้นย้ำให้เฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ติดตามการพยากรณ์อากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแต่ละภูมิภาค มีการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าและใช้ระบบชลประทานในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกันในแต่ละลุ่มน้ำ

นอกจากนี้ กรมชลประทาน ได้ทำการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ เตรียมไว้รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีน้ำอยู่ประมาณ 4.4 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 58% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ซึ่งยังมีช่องว่างรองรับน้ำฝนในช่วง 2-3 เดือนนี้ได้อีกประมาณ 3.2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ หากฝนที่ตกลงมาบริเวณเหนือเขื่อน กรมชลประทานยืนยันว่าจะเก็บน้ำได้หมด แต่ถ้าฝนตกท้ายเขื่อนก็ต้องเข้มงวดในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือน ส.ค. ไปจนถึงเดือน ก.ย. ที่คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักทั่วทุกภาค


อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้สั่งการให้ยกระดับการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ประเมินสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ ลำน้ำสาขา และลำคลองต่าง ๆ ล่วงหน้า 3 วัน และ 7 วัน ใช้ระบบชลประทานในการควบคุมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้มีช่องว่างรองรับปริมาณน้ำฝน โดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่ท้ายน้ำหรือพื้นที่ลุ่มต่ำด้วย รวมถึงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงให้สามารถใช้งานได้ทันที เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้บูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากด้วย สำหรับจุดเฝ้าระวังที่สำคัญ ประกอบด้วย

1.แม่น้ำยม ได้วางแผนจัดจราจรน้ำ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาจากจังหวัดแพร่ ด้วยการหน่วงน้ำไว้ที่บริเวณด้านเหนือประตูระบายน้ำ เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ท้ายน้ำ

2.ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงนี้ ซึ่งมีแนวโน้มปริมาณน้ำทางตอนบนเริ่มทรงตัว กรมชลประทาน ได้เร่งพร่องน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาระบายลงสู่อ่าวไทยให้มากที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาอีกในระยะนี้

3.ลุ่มน้ำในภาคอีสาน ได้วางแผนปรับการระบายน้ำและจัดจราจรน้ำในลุ่มน้ำชีและมูล ตั้งแต่พื้นที่ตอนบน กลาง และล่าง ให้สอดคล้องกัน ส่วนพื้นที่เสี่ยง เช่น จ.อุบลราชธานี ที่ต้องรับน้ำจากแม่น้ำชี มูล ได้กำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ปัจจุบันบริเวณที่เป็นจุดฟันหลอได้ดำเนินการก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน.




กำลังโหลดความคิดเห็น