บอร์ดรถไฟทำลับ ลวง พราง ขอดูโปรเจ็กต์จัดซื้อจัดจ้างระดับ100ล้านทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ทีโออาร์ยันไปถึงสากกระเบือตำข้าว หวั่นการเมืองล้วงลูก วงในชี้ขัดระเบียบกรมบัญชีกลาง
แหล่งข่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ดการรถไฟฯ ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ จะมีการพิจารณาวางระเบียบประกวดราคา จัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆของการรถไฟฯใหม่ โดยกำหนด ให้ทุกโครงการก่อนดำเนินการประกวดราคาต้องจัดทำรายละเอียด ขอรับความเห็นชอบ
ทั้งวิธีการเปิดประมูล สเปคจัดซื้อจัดจ้าง และการกำหนดราคากลาง รวมถึงร่างเงื่อนไขประกวดราคา(ทีโออาร์) จากคณะกรรมการการรถไฟ(บอร์ดรถไฟ)ก่อน และเมื่อได้ผู้ชนะการประมูลแล้วยังต้องมาขออนุมัติซื้อจากคณะกรรมการรถไฟอีกครั้ง จากเดิมที่ฝ่ายบริหารจะเป็นผู้ดำเนินการ ก่อนขออนุมัติเห็นชอบประกวดรราคาจากบอร์ดในขั้นสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนนโยบายจัดซื้อจัดจ้างและประกวดราคาดังกล่าว มีการวิพากษ์กันอย่างกว้างขวางภายในการรถไฟฯที่เห็นว่า ส่อขัดต่อระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ.2560 ข้อ 22 และข้อ 24 ที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรายงานขอจัดซื้อหรือขอจ้างไว้ ดังนี้..
“ ข้อ 22 ในการซื้อหรือจ้างแต่ละวิธี นอกจากการซื้อที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามข้อ 23 และข้อ 79 วรรคสอง ให้เจ้าหน้าที่จัดทำรายงานขอซื้อหรือขอจ้างเสนอหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเพื่อขอความเห็นชอบ โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่ และข้อ 24 เมื่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐให้ความเห็นชอบตามรายงานที่เสนอตามข้อ 22 หรือข้อ 23 แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามวิธีซื้อหรือจ้างนั้นต่อไปได้ ”
แต่ร่างระเบียบจัดซื้อจัดจ้างใหม่ที่บอร์ดรถไฟกำลังจะพิจารณากำหนดออกมานั่น กลายเป็นว่าบอร์ดรถไฟฯ จะเข้าไปล้วงลูกตั้งแต่ต้นน้ำไปยันปลายน้ำ โดยก่อนที่ฝ่ายบริหารรถไฟจะดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างในทุกๆโครงการต้องขอรับความเห็นชอบจากบอร์ดรถไฟก่อน จากเดิมที่ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างเหล่านี้อยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหารคือ ผู้ว่าการรถไฟฯในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน
แหล่งข่าวในการรถไฟฯ เปิดเผยว่า แม้ว่าบอร์ดรถไฟจะอ้างว่า อยากจะมีส่วนร่วมในการรับทราบว่าแต่ละโครงการดำเนินการเป็นอย่างไร ก่อนเปิดการประมูล ไม่ใช่มามัดมือชกให้บอร์ดอนุมัติจัดซื้อในขั้นตอนอนุมัติซื้อหรือจ้าง แต่เหตุผลดังกล่าวยังฟังไม่ขึ้น เพราะในท้ายที่สุดหากโครงการใดที่บอร์ดรถไฟเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือส่อไปในทางทุจริต ก็สามารถใช้อำนาจยับยั้ง ทบทวนหรือยกเลิกได้อยู่แล้ว เพราะเป็นอำนาจของหน่วยงานที่เอกชนไม่สามารถมาเรียกร้องใดๆได้
"นโยบายใหม่ที่บอร์ดรถไฟเตรียมทำคลอดออกมานี้ส่อขัดกฏหมายอย่างชัดเจน ทำให้มีการวิพากษ์อย่างวงกว้างขวางว่า มีใบสั่งจากการเมืองอยู่เบื้องหลัง หรือมีเจตนาแอบแฝง เพื่อล้วงลูกแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่"
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมถึงเบื้องหลังความพยายามล้วงลูกจากบอร์ดรถไฟ ว่า โครงการใหม่ๆที่อยู่ระหว่างการจัดหาก็ถูกรักษาการผู้ว่ารถไฟคนปัจจุบันออกเกียร์ว่างเตะลูกออกพ้นตัว สั่งการให้คนทำงานทบทวนเสมือนเตะถ่วง เพราะไม่อยากทำในยุคนี้ ทำให้โครงการต่างๆ เกิดความล่าช้าไม่มีการขับเคลื่อน ทำให้คนทำงานเหนื่อยใจกับการทำงานของผู้บริหารชุดนี้ เป็นอย่างมาก
คงต้องจับตางานนี้ส่อแววโดนสอบกันกราวรูด เพราะมีผู้หวังดีเตรียมนำเรื่องนี้ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.และ สตง.รวมทั้งยื่นเรื่องให้พรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในการอภิปรายครั้งหน้าที่จะถึงนี้ด้วย คงต้องติดตามดูว่าบอร์ดรถไฟจะลุยไฟล้วงลูกหรือไม่ต่อไปอย่างไร
