xs
xsm
sm
md
lg

“วิโรจน์” ยันอดีตก้าวไกลส่งคนลงเลือกซ่อม สส.เขต “หมออ๋อง” แต่ขออุบชื่อไว้ก่อน แขวะ “เรืองไกร” อยากให้ประเทศเหมือนเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วิโรจน์” เผย “ก้าวไกล” ส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมเขตหมออ๋องแน่นอน แต่ขออุบชื่อไว้ก่อน อัด “เรืองไกร” จี้ ป.ป.ช.ส่งศาล ฟัน 44 สส.สร้างวิบากกรรมซ้ำ อยากให้ประเทศเหมือนเดิม ลุยผลักดันกฎหมายเข้าสภา แม้เสียโควตารองประธาน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 พิษณุโลก จะส่งคนลงสมัครหรือไม่ ว่า ลงแน่นอน และตนคงไปชวยหาเสียงด้วย ส่วนตัวบุคคลของอุบไว้ก่อน แต่ต้องเป็นบุคคลที่ทำงานกับพรรคมาเป็นเวลานานพอสมควร

ส่วนที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สอบคดี 44 สส. ยื่นแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคการเมืองที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง และพยายามผลักให้ประเทศเดินไปข้างหน้า โดยส่วนมากก็จะมีวิบากกรรมเช่นนี้ แต่ตนคิดว่า ถ้าเราเจอกับวิบากกรรม คนที่เขาสร้างวิบากกรรมอย่างนี้ เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองเป็นเหมือนเดิม ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในกรอบที่เขาอยากให้เป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้บ้านเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างที่ประชาชนอย่างน้อยๆ เป็นหลักล้านคนที่ต้องการเห็น ซึ่งวิบากกรรมเหล่านี้เขาสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น แล้วเราจะยอมเขาหรือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือ การสร้างระบบงาน ระบบพรรคให้ประชาชนไว้วางใจและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ให้ประเทศพัฒนาไปในจุดที่ประชาชนคาดหวังได้ตรงนี้สำคัญที่สุดโดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับคน แม้บุคลากรมีความสำคัญแต่ถ้าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ถูกผูกไว้กับคนหนึ่งคน การที่จะกำจัดพรรคการเมืองแบบนี้มันง่ายมาก คือแค่กำจัดคนๆนั้น แต่ถ้าพรรคการเมืองร้อยรัดกับประชาชนให้ความสำคัญกับระบบและอุดมการณ์ ต่อให้บุคคลคนนั้นสูญสลายหายไป ไม่วาจะด้วยเหตุผลกลใด แต่พรรคการเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้เพราะประชาชนเป็นคนหนุนหลังและเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง

เมื่อถามว่า คาดหวังหรือไม่ว่าการยุบพรรคครั้งนี้จะเป็นการยุบครั้งสุดท้าย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราคาดหวังว่าเป็นครั้งสุดท้ายและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ถ้าพวกเราร่วมมือกับพรรครัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดสรรอำนาจที่พอเหมาะพอสม ให้กับองค์กรอิสระ เพราะองค์กรอิสระที่มีอำนาจมากขนาดนี้ ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าการตรวจสอบถ่วงดุลยังอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และยึดโยงกับประชาชนหรือไม่ และจำกัดอำนาจให้พอเหมาะพอสมลง

เมื่อถามว่า การทำงานในสภา โดยเฉพาะการขับเคลื่อนกฎหมาย พรรคก้าวไกลจะเสียเปรียบหรือไม่ เพราะไม่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภา คนที่ 1 และเสียโควตารองประธานสภาไป นายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่า ต้องติดตามดู คนที่ขึ้นมาเป็นรองประธาน ก็คงต้องมีความเป็นกลาง และตนเชื่อว่า การขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล ในสไตล์ของเรา คือพยายามชี้แจงและมีส่วนร่วมของประชาชน เราไม่เคยรู้สึกว่าอยู่ดีๆ กฎหมายก็เข้าสู่สภา แต่จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของกฎหมายนั้น และจำเป็นต้องมีการแก้กฎหมายนั้นอย่างไร เมื่อมีพรรคใหม่แล้ว ก็จะมีการจัดกิจกรรมสัมพันธ์สมาชิกและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอกฎหมายเหมือนเดิม ฉะนั้น ไม่ว่ารองประธานเป็นใคร เราทำงานได้เหมือนเดิม


กำลังโหลดความคิดเห็น