“วิสุทธิ์” คอนเฟิร์ม 14 ส.ค.ได้รองประธานสภา คนใหม่ ชี้ ต้องให้ผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาลมาเจรจาก่อน และส่งตัวแทนชิงตำแหน่งรองประธานสภา ระบุ ไม่ใช่ตำแหน่งทางโควตาอย่างเดียว มอง “ภราดร ปริศนานันทกุล” เหมาะสมแต่ไม่ขอฟันธง
วันนี้ (8 ส.ค.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณียุบพรรคก้าวไกล ว่า ตอนนี้ก็ต้องให้กำลังใจกับพรรคก้าวไกล แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายตามกติกา ต้องยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันทุกองค์กรอยู่แล้ว เป็นธรรมดาของการเมืองมีเข้ามาและมีออกไป ขอให้กำลังใจให้เข้มแข็ง ยุคก่อนที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ และตัดสิทธิทางการเมืองเพิ่งกลับมาในสมัยนี้ก็มี
ส่วนการทำงานในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่เป็น สส.มี 3-5 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและต้องออกจากตำแหน่ง สส.สัดส่วนในสภา จึงไม่แตกต่างกันมาก ยังพอจะทำงานอย่างปกติได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงและเป็นกังวล สำหรับประธานกรรมาธิการต่างๆ ต้องไปดูสัดส่วนของแต่ละพรรคใหม่ ซึ่งมีแนวทางการปฏิบัติกันตามปกติอยู่แล้ว ให้สามารถปรับตำแหน่งได้อย่างครบถ้วน และเหมาะสมตามที่ตกลงกันไว้
ขณะที่ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทษราษฎรคนที่ 1 ต้องเลือกกันใหม่นั้นมีผู้ให้ความสนใจเยอะ แต่เหตุยุบพรรคก้าวไกลเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ยังไม่กล้าตอบว่าพรรคไหนจะได้มาเป็นรองประธานสภา คนที่ 1 ยืนยันว่า วันพุธที่ 14 ส.ค. 67 จะได้เลือกรองประธานสภา คนใหม่ ซึ่งต้องให้ผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาลมาเจรจาก่อน และส่งตัวแทนชิงตำแหน่งรองประธานสภา คงไม่ใช่ตำแหน่งทางโควตาอย่างเดียว ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างทางการเมือง ซึ่งต้องเป็นคนจากฝ่ายรัฐบาล 100% เพราะก่อนหน้านี้ที่เลือกให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นรองประธานสภา เพราะคิดว่าก้าวไกลจะมาร่วมรัฐบาล เมื่อต้องเลือกใหม่ก็ควรเป็นสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัดส่วนรองประธานสภา ขณะนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นไปได้ที่รองประธานสภา อีกตำแหน่งจะเป็นของพรรคภูมิใจไทย โดยมีชื่อของนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อาจมาชิงตำแหน่งรองประธาน ได้ มองว่าก็มีความเหมาะสม อยู่ในรัฐสภามาหลายสมัย บิดาของนายภราดรก็เคยดำรงตำแหน่งนี้เช่นกัน แต่ก็ยังไม่กล้าฟันธงว่าเป็นใคร
สำหรับการเลือกตั้งใหม่ที่จังหวัดพิษณุโลกเขต 2 พรรคเพื่อไทยจะต้องให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาก่อนว่าจะส่งคนลงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะตามมารยาทแล้วในพรรคร่วมรัฐบาลก็จะให้พรรคที่ได้ลำดับรองลงมา นั่นคือ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ที่ 2 ในการเลือกตั้งปี 66 แต่ก็อยู่ที่ผู้บริหารพรรคจะเจรจากัน