xs
xsm
sm
md
lg

ปรับคณะรัฐมนตรี เขี่ยทีม“ลุงป้อม”!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา

สัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี เกิดขึ้นหลังจากมีข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอชื่อ นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาที่เหลืออยู่อีกหนึ่งตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรีบอกว่า การปรับคณะรัฐมนตรี หากเกิดขึ้นคงต้องหลังเดือนสิงหาคม เนื่องจากยังมีกระบวนการในศาลรัฐธรรมนูญหลายอย่าง จึงยังไม่เหมาะสม

ก่อนหน้านั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ได้อ่านข่าวดังกล่าวจากหนังสือพิมพ์ แต่เรื่องยังไม่ถึงมือของตน ซึ่งตนเองก็บอกว่าเรื่องนี้ ตอนนี้ในเดือนสิงหาคม คิดว่ามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบตุลาการเยอะไปหมด จริงๆแล้ว ต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อนดีกว่า ให้หลายเรื่องมันจบไปก่อนดีกว่ามั้ง แต่แน่นอนถ้าเกิดพรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา เราก็ต้องพิจารณา แต่ว่าคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะยังมีเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อน

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และถือว่าเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึง กรณีกระแสการปรับ ครม. โดย ยันยังไม่มีการหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล และยังไม่มีสัญญานเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีแต่ละคนก็ยังปฏิบัติงานได้ดี ทำงานให้พี่น้องประชาชนได้ ก็ยังไม่มีแนวคิดการพูดคุยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี

อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่า ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังมีโควตารัฐมนตรีเหลืออีกหนึ่งตำแหน่ง ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาปฏิกิริยาจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น เช่น พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรค บอกว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้พูดคุย และย้ำว่า การปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว หากจะปรับเปลี่ยนในส่วนของท่าน หรือพรรคของท่าน แต่หากจะมาหารือในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล หรือ ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เช่น จะปรับครม.พรรคคุณจะปรับอะไรไหม ก็เป็นเรื่องที่เราจะคุยกับนายกรัฐมนตรีได้ แต่ในเบื้องต้นส่วนตัวยังพอใจการทำงานทั้ง 4 กระทรวง ของพรรคภูมิใจไทย และไม่อยากทำอะไรให้เป็นความหนักใจกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งในส่วนของตน ได้กราบเรียนกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีการปรับรัฐมนตรี ทั้งคน และตำแหน่ง เพื่อให้ท่านสบายใจไปเปลาะหนึ่ง ซึ่งย้ำว่าการที่ตนพูด ตนมาพูดเอง เพราะอ่านจากหน้าหนังสือพิมพ์ และนายกฯ ไม่ได้ถามอะไร

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทย แจ้งว่าไม่ปรับคณะรัฐมนตรีแล้วนายกรัฐมนตรีตอบกลับมาว่าอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านไม่ได้ว่าอะไร เพราะท่านก็พอทราบแนวทางของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว เราเป็นพรรคเล็ก การปรับเปลี่ยนอะไร ไม่ส่งผลอะไรมากนัก

ส่วนที่มีข่าวว่า จะปรับคณะรัฐมนตรีบางพรรคออก และนำพรรคฝ่ายค้านเข้ามา เพราะเสียงรัฐบาลไม่พอ หรือมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนขอเรียนตรงๆว่า อะไรที่ไม่เกี่ยวกับพรรคตน ไม่คิดให้เปลืองพื้นที่สมอง และไม่ใช่ในฐานะพรรคร่วม พร้อมย้ำว่าตนกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ว่าไม่มีปัญหาอะไรกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ทำงานได้ และกำลังเร่งทำผลงานเพื่อตอบสนองนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า เสียงรัฐบาลที่มีอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้พรรคอื่นเข้ามาร่วม ใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ตนเคยบอกไปแล้วว่าขณะนี้รัฐบาลมีอยู่กว่า 310 เสียง รัฐบาลมีเสถียรภาพสูงมากรัฐบาลหนึ่ง ในรอบ 30-40 ปี

สอดคล้องกับท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคที่ย้ำว่า นายกฯ ยังไม่ได้หารือกันในเรื่องนี้ และสำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่มีการปรับรัฐมนตรี ของพรรคแต่อย่างใด

หากพิจารณากันตามนี้ มันก็เป็นไปได้ว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีจริงก็น่าจะเป็นแค่ “ปรับเล็ก” หรือปรับเฉพาะโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพียงตำแหน่งเดียว แต่ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ ที่เคยมีเรื่อง ไม่พอใจจนเกิดความคุกรุ่นกันมาก่อน มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า น่าจะมีการถือโอกาสปรับหลายตำแหน่ง และปรับ“บางพรรค” ออกไป

แน่นอนว่า หากพูดแบบนี้ก็ต้องโฟกัสไปที่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในที่นี้ย่อมต้องเพ่งมองไปที่ “ทีมลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ช่วงการโหวตนายกรัฐมนตรี ก็เกิดความ “หมางใจ”กันมาแล้ว จากการที่ “ลุงป้อม” และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องชาย รวมไปถึง ส.ว.ในเครือข่ายของเขา ไม่ยอมโหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน

อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเลยสักครั้งเดียว แม้ครั้งล่าสุด พรรคพลังประชารัฐจะเป็นเจ้าภาพ เขาก็ยังไม่ไปร่วม ล่าสุดยังอาแขนรับ “พ่อลูกอยู่บำรุง” เข้าพรรคอีก ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นการสร้างความไม่พอใจเพิ่มเติม เพราะเป็นการแตกหักกับครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร

และหากมองย้อนกลับไปอีก คำพูดที่ทำให้เห็นภาพความไม่พอใจระหว่างกัน ก็จะเห็นได้จากการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวว่า “คนในบ้านป่ากำลังสร้างความวุ่นวาย” ความหมายย่อมพุ่งไปที่ “ลุงป้อม” ตรงๆ นั่นเอง ท่ามกลางข่าวความเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” ที่กำลังสะสมกำลัง เพื่อลุ้นชิงเก้าอี้นายกฯ สักครั้งในชีวิต โดยหลายฝ่ายกำลังจับตามองเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ที่มีทั้งกรณีคดียุบพรรคก้าวไกล และการตัดสินคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติ โดยทั้งสองกรณี กำลังนับถอยหลังกันแล้ว

อย่างไรก็ดี เพื่อทำความเข้าใจให้ง่ายขึ้น สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี หากเกิดขึ้นน่าจะมาในแบบ “แยกส่วน” นั่นคือ อาจไม่ใช่ปรับยกไปทั้งพรรคพลังประชารัฐ แต่น่าจะปรับเฉพาะ “ก๊วนลุงป้อม” ออกไป นั่นคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เท่านั้น ส่วนรัฐมนตรีในสายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า น่าจะยังอยู่ครบ ซึ่งเมื่อรวบรวมเสียงของรัฐบาล ก็ไม่มีผลกระทบอะไร จำนวนเสียงสนับสนุนยังมีเท่าเดิม และไม่จำเป็นต้องดึงพรรคฝ่ายค้าน อย่างประชาธิปัตย์ เข้ามาก็ได้

ดังนั้น หากพิจารณาจากแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุด การปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น หลังเดือนสิงหาคม น่าจะเป็นการ “ปรับเล็ก” ในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ แค่หนึ่งเก้าอี้ แต่ขณะเดียวกันหากเป็นสัญญาณจาก“เทวดา” ก็น่าจะมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยบางคนตามสไตล์ด้วย รวมไปถึงการฉวยโอกาสกำจัด “เสี้ยนหนาม” โดยเฉพาะ “ทีมลุงป้อม” ออกไปในคราวเดียวกันเสียเลย แต่ที่สำคัญต้องรอดู วันที่ 14 สิงหาคม เสียก่อนว่า นายกฯจะรอดหรือไม่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น