นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมการจัดการน้ำ เน้นให้บริหารและแก้ไขปัญหาน้ำอย่างรวดเร็ว เร่งรัดร่างแผนฯ 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญให้แล้วเสร็จ เสนอ ครม. ภายใน ส.ค. นี้ ขณะ รมว.เกษตรฯ เตรียมแผนใช้งบ5 แสนล้านบาท แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ลุ่มน้ำ ปิง วัง ยม น่าน เจ้าพระยา และลุ่มน้ำชี-มูล
5 ส.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำ ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมประชุมด้วย
นาย ชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน ได้บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ ว่าปริมาณน้ำฝนสะสมช่วงฤดูฝนปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม - 1 สิงหาคม 2567 มีปริมาณฝน 563.2 มม. สูงกว่าค่าปกติ +74.8 มม. คิดเป็นร้อยละ +15 ส่วนปริมาณฝนคาดการณ์และปริมาณน้ำ ข้อมูลเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 35 แห่ง มีความจุรวม 70,926 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำ 40,163 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57 รับน้ำได้อีก 30,763 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 43 สำหรับการคาดการณ์น้ำ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 คาดว่าจะมีน้ำกับเก็บ จำนวน 54,930 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 77 ทั้งนี้ เมื่อเทียบปี 2566 มีน้ำกักเก็บอยู่ที่จำนวน 56,386 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 79 โดยคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำปี 2567 จะน้อยกว่าปี 2566 จำนวน 1,456 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผย ภายหลังการประชุมว่า ปัญหาเรื่องน้ำถือว่า เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเผชิญทุกปี ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำไม่ได้คุณภาพ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแลเรื่องน้ำ บูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง จัดทำแผนงานและโครงการที่สำคัญ และสามารถเร่งรัดดำเนินการได้ภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี ตลอดจนพิจารณาโครงการสำคัญระยะยาว เพื่อให้ “น้ำถึงไร่นา น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน แก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี ยังเน้นการเสริมประสิทธิภาพของโครงการที่มีอยู่เดิม ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงที่สุด พร้อมทั้งพิจารณาก่อสร้างโครงข่ายการบริหารจัดการน้ำและระบบกระจายน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยในช่วงฤดูฝนนี้ มอบหมายให้กรมชลประทานและ GISTDA นำเสนอพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า จากการรับฟังการนำเสนอเรื่องการบริหารจัดการน้ำจากเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ เลขาธิการ สทนช. อธิบดีกรมชลประทาน และ ผอ.GISTDA ชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหาเรื่องน้ำของประเทศไทย ตลอดจนแผนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยอาศัยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมอบนโยบายประเด็นแผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญ ดังนี้
1.ให้ สทนช. เร่งรัดการยกร่างแผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญให้แล้วเสร็จ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนสิงหาคมนี้ ในการนี้ ให้ สทนช. รับผิดชอบในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ 2.ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สทนช. บูรณาการการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ และ 3.ให้ สทนช. ติดตามและกำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนดำเนินงานตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และปฏิบัติงานตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้กรมชลประทานติดตามรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมให้เฝ้าดูพื้นที่เสี่ยง รวมถึงเร่งดำเนินการการขุดลอกแม่น้ำสุไหงโก-ลก ไม่ให้ตื้นเขิน ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาดำเนินการ โดยมีคณะกรรมการร่วมไทย-มาเลเซียร่วมด้วย เนื่องจากประเทศมาเลเซียและฝั่งไทยได้รับความเดือดร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่โดยเฉพาะในจังหวัดนราธิวาส
“ในบริเวณที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก ให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ในการกำหนดขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ชัดเจน และขอเน้นย้ำให้บริหารสถานการณ์และแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว มีการสื่อสารกับประชาชนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึง และทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยให้เร่งแก้ไขเรื่องน้ำภายใน 3 ปีแล้ว