นายกฯ ลงพื้นที่นราธิวาส-มาเลเซีย เผย “อันวาร์” ต้อนรับอย่างดี เชิญ ส.ส. - ผู้นำศาสนา - ประธานสภา ร่วมรับประทานอาหาร กระชับความสัมพันธ์ทุกระดับ ยัน ไม่ทิ้งเรื่องความมั่นคง
วันนี้ (3 ส.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และเมืองรันเตาปันจัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ว่า สืบเนื่องจากการพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา และการลงพื้นที่ของตนที่มาดูเรื่องเศรษฐกิจ 3 วัน 2 คืน ในครั้งนี้มาดูเรื่องของความมั่นคง ซึ่งได้เชิญ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาด้วย ซึ่งท่านจะมีบทบาทต่อไปในเรื่องการเจรจา และทำงานกับฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยในวันนี้ ว่า เป็นการพูดคุยกันเชิงลึก ให้ทั้ง 2 ฝ่ายทำงานใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนเหนือของมาเลเซียมีรายได้ต่อหัวต่ำที่สุด ขณะที่ตอนใต้ของไทย ก็มีทรัพยากรที่มีคุณค่าเยอะมาก แต่มีปัญหาความมั่นคงมาฉุดไม่ให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เจริญเติบโตต่อไปได้ ซึ่งตนได้เจอกันหลายหน มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เช่นเดียวกับนายอนุทิน ซึ่งรู้จักกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทำให้เปลี่ยนการพูดคุยหารือทวิภาคีแบบกลุ่มใหญ่ เป็นการหารือบนโต๊ะอาหารแทน เนื่องจากเป็นกันเอง และรู้จักกันดีอยู่แล้ว
ขณะที่การหารือแบบ four eyes มีการพูดคุยถึงเรื่องความมั่นคง ยกระดับการเจรจา และการรับฟังแผนการก่อสร้างโครงการสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 ซึ่งตน และนายกฯ มาเลเซีย เห็นตรงกันว่าสามารถย่นระยะเวลาได้ ทั้งก่อนการก่อสร้าง และระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้การค้าระหว่างสองประเทศดีขึ้น และอีกเรื่องที่นายกฯ มาเลเซียหยิบยกมาพูดคุยคือการขุดลอกแม่น้ำโก-ลก ที่ตื้นเขิน บริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งการระบายน้ำไม่ดี และเกิดปัญหาน้ำท่วมตามมา โดยเฉพาะมาเลเซียที่มีภูมิประเทศต่ำ ทำให้มีปัญหาอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้นายอนุทิน จะรับไปดูแล โดยเราจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกปี เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นทรายที่มีคุณค่า อาจเปิดสัมปทานให้คนมาลงทุนในการทำให้แม่น้ำไหลได้อย่างสบาย
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงเขตอุตสาหกรรมพิเศษที่ทั้งสองประเทศจะมีการพัฒนาร่วมกัน คือ อาหารฮาลาล และโรงงานผลิตยาง รวมถึงมีการพูดคุยเรื่องความหลังเก่าๆ และเรื่องครอบครัว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นคนที่มีประสบการณ์สูงมาก จะเห็นว่าขั้นตอนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา น้อยกว่า 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้เชิญ ส.ส. ของไทยจากทุกพรรคการเมือง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาชาติ ผู้นำศาสนามาจากยะลา ปัตตานี นราธิวาส ผู้นำชุมชน ประธานรัฐสภา ผู้บัญชาการทหารบก เลขา สมช. จะเห็นว่าในช่วงรับประทานอาหาร ทุกคนมาหมด มีการพูดคุยเป็นอย่างดี ประสานระหว่างบนลงล่างเป็นอย่างดี หวังว่าการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นอีก
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองประเทศ กำลังจะมีการประชุมทวิภาคีก่อนสิ้นปีนี้ โดยได้มีการเสนอให้มีการจัดประชุมที่ลังกาวี ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวของมาเลเซีย ซึ่งมาเลเซีย ก็อยากร่วมกับเราในเรื่องของ “Six Countries, One Destination” ซึ่งฝ่ายไทยช่วยอยู่ในเรื่องของการทำโฆษณา ขณะที่มาเลเซีย มีขีดจำกัดในเรื่องนี้ หากสำเร็จ การท่องเที่ยวในภูมิภาคจะดีขึ้นมาก ซึ่งการหารือทั้งหมด จบได้ด้วยดี ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 2 ชั่วโมง และการทำงานกึ่งทางการก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทางมาเลเซีย มีความกังวลเรื่องความมั่นคง แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ทุกอย่างจะออกมาแล้วดูดีทั้งสองประเทศ
เมื่อถามว่า ได้พบปะพูดคุยกับผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซียคนใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดคุยโดยตลอด และเน้นย้ำว่าต้องคุยกันเชิงลึกให้มากขึ้น ซึ่งในที่ 5-6 ส.ค. นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปยังกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือเรื่องนี้ต่อ พร้อมย้ำว่า การพูดคุยมีความคืบหน้า และรัฐบาลไม่ทอดทิ้งในเรื่องของความมั่นคง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนุทิน ก็ลงพื้นที่มาคุยเรื่องอามาสมัครรักษาดินแดน ซึ่งในส่วนนั้นก็มีปัญหา แต่เป็นธรรมดา เพราะเราต้องการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ให้สังคมเกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องโรงเรียน และเรื่องหลักสูตร
ด้าน นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า มาเสริมหลักสูตรโรงเรียนปอเนาะ ให้นักเรียนได้เข้าใจถึงความเป็นประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จึงเอาการศึกษาเข้ามา พ่อวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพ