“รองปลัดดีอี“ แจง “ดีอี” ไม่ใช่เจ้าของแอปฯ “ทางรัฐ” ที่ สพร. หรือ DGA เป็นผู้พัฒนา เชื่อการเชื่อมข้อมูล “ทางรัฐ-ThaID” ทาง สพร.ประสานมหาดไทยใกล้ชิด ย้ำข้อมูล ปชช.ใน “ทางรัฐ” ไม่รั่วแน่
วันนี้ (3 ส.ค.) นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวง ดีอี เปิดเผยถึงการติดตามการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ว่า ภาพรวมของการลงทะเบียนตลอด 3 วันที่ผ่านมา ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประชาชนลงทะเบียนสำเร็จไปแล้วมากกว่า 20 ล้านราย ซึ่งในบางช่วงที่มีผู้เข้าไปลงทะเบียนพร้อมกันจำนวนมากก็อาจทำให้ระบบล่าช้าบ้างเท่านั้น ส่วนข้อติดขัดการเชื่อมโยงข้อมูลจากแอปฯ ทางรัฐ กับแอปฯ ThaID (ไทยดี) ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นั้น ก็ทราบว่า ทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร. หรือ DGA) ผู้พัฒนาแอปฯ ทางรัฐ ได้ประสานกับทางกรมการปกครองอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันใช้งานได้เป็นปกติแล้ว
“ต้องเรียนว่า ในส่วนของแอปฯทางรัฐนั้น ทาง สพร. หรือ DGA ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา ส่วน กระทรวงดีอี ร่วมกับ สกมช. ทำหน้าที่ในการสนับสนุน โดยเฉพาะในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งการเฝ้าระวังข่าวปลอม และเว็บไซต์หรือเพจปลอมต่างๆ ที่จะฉวยโอกาสสร้างความเข้าใจผิดหรือหลอกลวงประชาชน“ นายเวทางค์ ระบุ
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของความปลอดภัยของข้อมูลในแอปฯทางรัฐนั้น สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ยืนยันแล้วว่า เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และมีการเฝ้าระวังเพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจมีความพยายามเจาะระบบ หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯทางรัฐ จะไม่รั่วไหลแย่างแน่นอน
นายเวทางค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวง ดีอี สนับสนุนการดำเนินการในช่วงการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับผู้ที่ทีสมาร์ทฅต์โฟน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย. 67 ทั้งการสนับสนุนจัดทำเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย, สายด่วน Digital Wallet 1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) ตลอดจน ร่วมกับกระทรวงการคลัง สนับสนุน จุดให้บริการ Walk in สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จาก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ศุนย์ดิจิทัลชุมชน ไปรษณีย์ไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ รวม 6,107 จุดทั่วประเทศ ด้วย
“นอกจากนี้ ดีอี สนับสนุนการจัดทำข้อตกลงและเอกสารที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล สำหรับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้” นายเวทางค์ ระบุ.
