xs
xsm
sm
md
lg

"จุลพันธุ์" ยันเข้มดิจิทัลเงินไม่รั่วผิดประเภทสอบทันที จำกัด 10 รายการแต่ช้อปได้เพียบ ชี้แจกเงินคุมไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมช.คลัง มั่นใจมาตราการเข้มป้องกันเม็ดเงินไม่รั่วไหล ส่งตร.ไซเบอร์บุกสอบทันควันหากเจอใช้สอยผิดประเภท ยันแม้จำกัดการซื้อ 10 รายการแต่เปิดให้ช้อปได้อีกเพียบ บอกหากแจกเงินสดคุมไม่ได้ เท่ากับย่ำอยู่กับที่ การันตีรบ.ทำตามกม.ทุกอย่าง

วันนี้ (31ก.ค.) นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช. การคลังชี้แจงว่าสิ่งที่สมาชิกกังวล เรื่องการใช้สิทธิ์ไม่ถูกต้องผิดประเภทต่างๆ เช่นประชาชนไปคุยกับร้านค้าเอาเงินสดออกมาโดยไม่ มีการแลกเปลี่ยนสินค้านั้น เรามีการป้องกันอย่างเข้มข้นโดยตั้งอนุกรรมการติดตามรายจ่ายผิดประเภทโดยเฉพาะ โดยมีการประชุมพูดคุยกับผู้พัฒนาระบบโดยกำหนดให้ระบบสามารถตรวจจับในเบื้องต้น และส่งบุคลากรของรัฐทั้งตำรวจและตำรวจไซเบอร์ลงไปตามสถานที่ที่มีการใช้สอยอย่างน่าสงสัย ซึ่งกลไกในการเก็บฐานข้อมูลที่มีอยู่ในบล็อกเชนจะสามารถนำมาตรวจสอบย้อนกลับ หากมีการใช้จ่ายที่ผิดประเภท จึงเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง เราพยายามที่จะป้องกันการรั่วไหลของเม็ดเงิน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจำกัดจนไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย เพราะถึงแม้จะมีการกำหนดห้ามซื้อก็มีประมาณ 10 กว่ารายการเท่านั้น ยังมีสินค้าอื่นๆที่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ตามปกติ จึงเป็นกลไกที่เราเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะแตกต่างจากการใช้เงินสดอย่างแน่นอน

“ถ้าเราจะย่ำอยู่กับที่โดยจ่ายเป็นเงินสดทุกครั้งและไม่สามารถ ควบคุมการใช้จ่ายได้ ไม่สามารถกำหนดสิ่งที่รัฐบาลเติมเงินเข้าไปแล้ว กำกับให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจเกิดประโยชน์กับสังคมในมิติใด ดังนั้นเราจะเดินซ้ำรอยเดิมโดยที่ไม่แก้ไขปรับเปลี่ยนกลไกเป็นไปไม่ได้ วันนี้รัฐบาลเอาเทคโนโลยีแบบใหม่เข้ามาเพื่อกำกับให้เงินที่เติมเข้าไปทุกบาททุกสตางค์เกิดประโยชน์สูงสุดมีประสิทธิภาพประสิทธิผลตามที่เราตั้งวัตถุประสงค์ และคาดหวังไว้ ถือเป็นกลไกที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนโยบายของรัฐในอนาคต”

ส่วนคำถามที่เป็นห่วงเรื่องการกระจุกตัวอยู่ที่รายใหญ่นั้น ตนขอเรียนว่าอาจจะไม่มีตัวเลขว่าเราคาดหวังสัดส่วนเท่าไหร่ที่จะไปลงกับร้านใหญ่ ร้านเล็ก ซึ่งกลไกตลาดเป็นอย่างไรเราไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่อย่างน้อยสิ่งที่เรากำหนดอย่างแรกคือการใช้จ่ายในระดับต้นเป็นระดับอำเภอมี 157 อำเภอทั่วประเทศที่มีร้านค้าขนาดใหญ่อยู่ ส่วนมากเป็นอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด และกรุงเทพฯเป็นหลัก ซึ่งมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าส่งขนาดใหญ่ถูกตัดออกไปจากการใช้จ่ายในรอบแรก ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ร้านค้าขนาดเล็ก ที่อยู่ในชุมชนมีโอกาสในการแข่งขันมากขึ้น

นอกจากนี้เรายังกำกับว่าการใช้จ่ายจะต้องเกิดอย่างน้อย2รอบ หากมีความเป็นห่วงร้านสะดวกซื้อในกรณีที่มีประชาชนไปใช้จ่ายนั้น เราจำกัดว่าอย่างน้อยเม็ดเงินนี้ลงร้านนั้นแล้วจะต้องไหลต่อไปอีกหนึ่งต่อ คือมีการใช้จ่ายรอบที่2 ระหว่างร้านค้า โดยร้านค้าสะดวกซื้อไม่ใช่ผู้ผลิตทั้งหมด100 เปอร์เซ็นต์ ยังมีซัพพลายเออร์ผู้ผลิตที่ต้องส่งสินค้ามาให้กับเขาเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดประโยชน์คือร้านค้าที่เข้าสู่โครงการเหล่านี้จะได้ผู้ลงทะเบียนกลุ่มใหม่ๆเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 แสนรายที่ไม่เคยเข้าสู่โครงการใดของรัฐ แต่เป็นร้านค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับเอกชนอีกทอดหนึ่งที่ไม่เคยขายสินค้าโดยตรงให้กับประชาชน วันนี้เราดึงเขาเข้ามาอยู่ในระบบให้เกิดการหมุนเวียนร่วมกันเป็นสภาพ“ซัพพลายเชน”ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าด้วยกลไกที่เรามีจะสามารถทำให้เกิดการหมุนเวียนและกระจายตัวอย่างมีความเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นร้านใหญ่หรือเล็กทุกคนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

“ คำชี้แจงที่หน่วยงานรัฐทำมาให้เป็นเอกสาร ขึ้นอยู่กับท่านว่าไม่เชื่อหรือเลือกที่จะไม่เชื่อ แต่ผมบอกได้ว่าการที่หน่วยงานรัฐเข้ามาร่วมชี้แจงในชั้นกรรมาธิการต้องมีความมั่นใจแน่นอนว่ากฎหมายที่เขาถืออยู่และปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัดส่วนรายจ่ายการลงทุน กลไกที่ต้องจัดสรรงบเพิ่มเติมเพื่อไปใช้จ่ายในไตรมาส4 ไม่มีข้าราชการคนไหนจะกล้าพร้อมทำผิดต่อกฎหมายที่ตัวเองถือเพื่อรัฐบาล มันเป็นไปไม่ได้ ผมในฐานะเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งก็ไม่พร้อมหากมันมีข้อที่ผิดหรือขัดกับกฎหมายที่กำกับอยู่ ดังนั้นยืนยันกับสมาชิกว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทั้งหมดนี้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ มีหน่วยงานภาครัฐมาชี้แจงตามความเข้าใจอย่างครบถ้วน ถึงมั่นใจนำเข้าสู่สภาและพิจารณาในวันนี้”

ส่วนเรื่องความหมายคุ้มค่าหรือไม่ นอกจากเรื่องของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลหลัก ยังมีในเรื่องของผลประโยชน์ที่ประชาชน จำนวนเกือบ 50 ล้านคนจะได้เม็ดเงิน 10,000 บาทไปช่วยเหลือประคับประคองต่อยอดชีวิตไปช่วยกันลงทุนช่วยกันจับจ่ายใช้สอย เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังมีผลประโยชน์ในเรื่องของการพัฒนาตลาด digital Economy การพัฒนาความเป็นE-Government ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่มีมูลค่ามหาศาลไม่อาจนับเป็นจำนวนเงินได้ ดังนั้นผมเชื่อว่าโครงการนี้มีความคุ้มค่าในการเดินหน้าทุกประการ ส่วนที่ห่วงในเรื่องรายละเอียดเช่นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจยืนยันว่าเรายืนยันที่ 1.2 ถึง 1.8 ภายใต้ข้อจำกัดของจำนวนเงินที่เข้าร่วม ส่วนรายละเอียดของโครงการต่างๆนั้นสามารถพูดคุยกันได้ ตัวเลขบางส่วนที่สมาชิกหยิบยกแอบอ้างมาบางตัวฐานความคิดเอ็มพีซีอยู่ที่ 0.4 ซึ่งเป็นเงินสดแต่วันนี้เราใช้โครงการดิจิทัลวอลเลตเติมเงินเข้าไป พร้อมข้อจำกัดว่าเงินไม่สามารถออมได้และไม่สามารถไปใช้กับบาง สินค้าได้ ซึ่งจะเกิดการหมุนทางเศรษฐกิจมากกว่าปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการชี้แจงเสร็จสิ้นที่ประชุมได้ลงมติในมาตรา 3 โดยเสียงข้างมากเห็นตามกรรมธิการเสียงข้างมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น