รมช.คลัง รับตัวเลขประเมิน 'แจกเงิน' ต่อผลของเศรษฐกิจ ยังไม่ชัดเจน แต่มั่นใจโตแน่นอน พร้อมรับ ดิจิทัลวอเล็ต ไม่ใช่ยาวิเศษ การันตี ธ.ค.นี้ เงินถึงมือประชาชน
วันนี้ (31ก.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ฐานะกมธ.เสียงข้างมาก อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ... วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า สำหรับการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตามตัวเลขที่แถลงเป็นทางการ เมื่อ 25 ก.ค.ยืนยันที่ 1.2%-1.8% ขยายตัวต่อจีดีพี ทั้งนี้กระบวนการพิจารณาตัวเลขดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา เงื่อนไข ผู้เข้าร่วม และ พฤติกรรมของผู้ใช้สิทธิ ทั้งนี้เป็นการประมาณการณ์ของผลเศรษฐกิจ หลังจากเติมเงินลงไป
“ไม่มีโมเดลไหนที่รองรับในเรื่องผลของโครงการได้อย่างชัดเจน เนื่องจากไม่เคยมีโครงการใดๆในประเทศมีข้อจำกัดการใช้ ระยะทาง พื้นที่ กรอบการบังคับใช้ 2 รอบ ดังนั้นอาจไม่มีตัวเลขที่ชี้ชัดเฉพาะให้มั่นใจ ตอนนี้จะเชื่อตัวเลขของใคร ขอให้เดินหน้าโครงการ ส่วนผมเชื่อว่าตัวเลข 1.2%-1.8% เป็นไปได้” นายจุลพันธ์ อภิปราย
นายจุลพันธ์ อภิปรายด้วยว่า อย่าคิดว่าโครงการใดโครงการหนึ่งของรัฐ เป็นยาวิเศษที่จะปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้ ตนไม่ยืนยันว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นยาวิเศษขนาดนั้น แต่อย่างน้อยด้วยกลไกที่ทำและข้อมูลที่เก็บ สามารถเห็นโครงสร้างของเศษฐกิจไทยและกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ ลดความเหลื่อมล้ำได้ ทั้งนี้ตนขอย้อนถามไปยังกมธ.ที่สงวนความเห็น หากทำนโยบายที่เป็นของท่าน เช่น เบี้ยผู้สูงอายุที่เติมเงินสด มีความห่วงหรือไม่ว่าเงินจะกระจุกตัวรายใหญ่ เพราะผู้สูงอายุก็เข้าร้านสะดวกซื้อนั้นเช่นกัน ทั้งนี้ไม่มีโครงการใดโครงการเดียวที่เป็นยาวิเศษที่ลงไปทีเดียวปรับโครงสร้างการใช้จ่ายของคนไทยได้ทั้งหมด
นายจุลพันธ์ อภิปรายว่า แพลตฟอร์มการจ่ายเงิน ได้รับรายงานจากหน่วยงานในชั้นของกมธ. และคณะกรรมการ ยืนยันว่าทันไตรมาสสี่ ปี67 ดัะงนั้นต้องเชื่อมั่นใจกระบวนการ แต่หากจะห่วงว่าทำทันหรือไม่ ไม่ใช่เหตุที่จะขอปรับลดเพราะไม่ได้แปลว่าโครงการเดินหน้าไม่ได้ หากจะช้าเพราะผลิตอะไรไม่ทัน สุดท้ายก็ออกไม่ว่า ม.ค.หรือ ก.พ.68 แต่ตนยืนยันว่าไม่เกินเดือนธ.ค.67เงินถึงมือประชาชนแน่นอน